รัฐบาลเกาหลีใต้กับเกษตรกร
ศุภวาระมหามงคลสมัยวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอ ดุลย เดชมหาราช ได้เวียนมาบรรจบครบรอบอีกครั้งหนึ่งในวันเสาร์ที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๒
ข้าพระพุทธเจ้า ร้อยตำรวจเอก นิติภูมิ นวรัตน์ ผู้เขียนคอลัมน์เปิดฟ้าส่องโลก และเปิดฟ้าภาษาโลก ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ขอพระราชทานวโรกาส น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระพรชัยมงคล
ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากล พระบรมเดชานุภาพแห่งพระสยามเทวาธิราช สมเด็จพระบูรพมหากษัตราธิราชเจ้าทุกพระองค์ และพระบุญญาบารมีที่ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงบำเพ็ญมา ได้โปรดดลบันดาลอภิบาล และประทานพรให้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ทรงพระเกษมสำราญ พระราชหฤทัยชื่นบาน ทรงมีพลานามัยที่แข็งแรง มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน พระเกียรติคุณจำรูญจำรัสขจรขจายแผ่ไพศาลทั่วทิศานุทิศ สถิตเสถียรในมไหศวรรย์ราชสมบัติ ทรงเป็นมิ่งขวัญร่มโพธิ์ทองของปวงข้าพระพุทธเจ้าและพสกนิกรชาวไทยตราบ จิรัฐิติกาล
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า ร้อยตำรวจเอก นิติภูมิ นวรัตน์ นักเขียนคอลัมน์เปิดฟ้าส่องโลก และภาษาโลก
ผู้อ่านท่านที่เคารพครับ สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมไปเยือน Rural Development Administration หรือ RDA หน่วย งานการพัฒนาชนบทของสาธารณรัฐเกาหลี ผมมีข้อสังเกตเรื่องการกระตุ้นให้ชนบทเกาหลีมีการกระดิกพลิกตัว ซึ่งรัฐบาลให้งานพัฒนาชนบทมาอยู่ที่หน่วยงานนี้ ไม่ว่าจะเป็นการปฏิวัติเขียว หรือปฏิวัติขาว
การปฏิวัติเขียวหมายถึง การปลูกข้าวให้พอบริโภคภายในประเทศ ผู้อ่านท่านคงทราบนะครับ ว่าแผ่นดินส่วนใหญ่ของเกาหลีใต้เป็นภูเขาเลากา มีพื้นที่ทำการเกษตรเพียง ๑๑.๘๑ ล้านไร่ หรือร้อยละ ๑๙ ของพื้นที่ทั้งประเทศ ในสมัยก่อนตอนโน้น เมื่อ ๓๐ – ๔๐ ปีที่แล้ว เกาหลีใต้ผลิตข้าวได้เพียงปีละ ๓ ล้านตัน ไม่พอกิน ก็ได้หน่วยงานอย่าง RDA นี่ แหละครับ ทำวิจัยเพื่อให้ได้ผลผลิตข้าวมากกว่าเดิมถึงร้อยละ ๓๐ จนกระทั่ง พ.ศ. ๒๕๒๐ เกาหลีใต้ผลิตข้าวได้ผลเฉลี่ยต่อพื้นที่สูงที่สุดในโลก
เมื่อประสบพบความสำเร็จในด้านการปฏิวัติเขียวแล้ว รัฐบาล เกาหลีใต้ก็หันมาปฏิวัติขาว เกาหลีเป็นประเทศหนาว พอถึงหน้าหนาวหิมะตกหนัก ผักต่างๆ ไม่สามารถงอกได้ในอุณหภูมิต่ำ รัฐบาลเกาหลีใต้ก็ส่งเสริมให้มีการปลูกผักโดยใช้แปลงที่มีพาสติกคลุมถึง ๒ ชั้น ไม่ให้อาการหนาวเข้าไปยับยั้งการเจริญเติบโตของพืชผักผลไม้ ถ้าผู้อ่านท่านเดินทางออกนอกเมือง ท่านจะเห็นแปลงที่มีพาสติกคลุมเต็มพรืดขาวไปจนสุดลูกหูลูกตาทั้งสองข้างทาง อันนี้นี่แหละครับ ที่เรียกว่าเป็นการปฏิวัติขาว
ขณะที่เกษตรกรไทยขายผลไม้เป็นกิโลกรัม แต่เกษตรกรเกาหลีใต้ขายผลไม้เป็นลูก เมื่อฤดูกาลผลไม้ใดมาถึง เกษตรกรจะนำผลไม้ลูกใหญ่ออกมาขายก่อน ส่วนลูกเล็กเก็บเข้าห้องเย็น ขายลูกใหญ่ได้ราคาดี ครั้นหมดฤดูผลไม้นั้นแล้ว ก็จะค่อยๆ ทยอยนำลูกเล็กออกมาขายนอกฤดูกาล ซึ่งถึงจะลูกเล็กอย่างไรก็ยังได้ราคางาม
รัฐบาลเกาหลีใต้ทุ่มทุนให้มหาศาลให้ RDA คิดค้นเทคโนโลยีเพื่อช่วยเกษตรกร นิติภูมิตระเวนไปในอาคาร RDA ได้ เห็นเครื่องคัดผลไม้ เครื่องจักรทางการเกษตรของเกาหลีไม่ได้คัดเพียงผลใหญ่ ผลเล็กแล้วครับ เครื่องจักรสมัยใหม่บอกได้แม้แต่ผลไม้ลูกนั้นมีน้ำตาลใปริมาณท่าใด ลูกไหนทคนที่เป็นโรคเบาหวาน IDDM ชนิดพึ่งอินซูลินทานได้ ลูกไหนคนที่เป็นโรคเบาหวาน NIDDM ขนิดไม่พึ่งอินซูลินทานได้
ในสมัยก่อน เกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมมีรายได้น้อย รัฐบาลก็ทุ่มทุนให้ RDA วิจัยจนค้นพบการนำโปรตีนจากเส้นใยไหมไปทำเป็นกระดูดเทียม ฟันเทียม ซึ่งเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มมากมายมหาศาลให้กับผลผลิตทางการเกษตร
รัฐบาล เกาหลีใต้ให้ความสำคัญกับการอบรม เกษตรกรมักได้รับการชักชวนให้ไปอบรมหลักสูตรต่างๆ ที่จัดโดยรัฐบาลอยู่เสมอ โดยเฉพาะการอบรมเพื่อให้เกษตรกรสามารถใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการตลาด เกษตรกรร้อยละ ๘๐ มีคอมพิวเตอร์ที่บ้าน และใช้อินเตอร์เน็ตเป็น จำนวนไม่น้อยที่มีเว็บไซต์ขายผลผลิตทางการเกษตรของตนเอง
รัฐบาล เกาหลีใต้ประกันรายได้ให้กับเกษตรกรที่ผลิตสินค้าเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่ง แวดล้อม เกษตรกรคนไหนใช้เคมี หรือฉีดยาฆ่าแมลงจะถูกคัดออกจากกลุ่มให้ต้องอยู่โดดเดี่ยว ขายสินค้าไม่ได้ เพราะคนเดียว จึงไม่มีอำนาจในการต่อรอง
ข้อดีข้อเสียของรัฐบาลเกาหลีกับการพัฒนาเกษตรกรรมยังมีอีกเยอะ นิติภูมิจะค่อยๆ ทยอยแคะแงะแกะออกมารับใช้ผู้อ่านท่านที่เคารพเป็นระยะๆ ครับ
เขียนถึงเรื่องการพัฒนาแล้วก็นึกขึ้นมาได้ ศุกร์วันนี้ เวลา ๑๓.๐๐ – ๑๖.๐๐ น. มหาวิทยาลัยศิลปากร ชวนนิติภูมิพูด “การวิเคราะห์ผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และสภาวะแวดล้อมต่อการพัฒนา” รับใช้ข้าราชการสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หลักสูตร นักพัฒนาชุมชนรุ่น ๓๕ ที่โรงแรมชาลีนา กทม.