ลักษณะทางธรรมชาติ
* เป็นไม้ผลยืนต้นอายุหลายสิบปี ออกดอกติดผลปีละครั้งและยังไม่มีฮอร์โมนหรือสารสังเคราะห์ใดๆบังคับให้ออก นอกฤดูกาลได้
* เป็นพืชทรงพุ่มโปร่ง ลำต้นขนาดเล็ก เมื่อต้นอายุมากขึ้นจะแตกกิ่งยาวออกไปรอบทรงพุ่มจนดูเกะกะเก้งก้าง ออกดอกติดผลจากตาที่อยู่ตามข้อใบทุกใบของกิ่ง ดอกสีขาวกลิ่นหอมเหมือนมะลิป่า เมื่อผลแก่จะเปลี่ยนสีเปลือกจากเขียวเป็นเหลืองก่อน แล้วจึงเปลี่ยนเป็นแดงเมื่อแก่จัดใกล้เก็บเกี่ยว การที่กาแฟออกดอกดก มีกลิ่นหอม และติดผลดกกับทั้งสีของผลก็สวยนี้ อาจจะพิจารณาปลูกเป็นไม้ประดับประเภทยืนต้นได้เช่นกัน
* เป็นพืชเมืองร้อนสามารถปลูกได้ทุกพื้นที่ของประเทศ สวนกาแฟที่มีพืชอื่นแซมแทรกจะเจริญเติบโตดีกว่าสวนที่ปลูกกาแฟเดี่ยวๆ เพราะธรรมชาติของกาแฟชอบความชื้นในดินและความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศค่อนข้าง สูงและสม่ำเสมอ
* อายุให้ผลผลิต 3 ปีหลังปลูก และให้ผลผลิตต่อเนื่องนาน 20-30 ปี
* อายุผลตั้งแต่ผสมติดถึงเก็บเกี่ยว 9 เดือน ถือว่าเป็นผลไม้ที่มีอายุผลนานที่สุด
* ออกดอกติดผลได้ตลอดปีโดยไม่มีฤดูกาล ถ้าบำรุงต้นได้สมบูรณ์ดีเต็มที่ต่อเนื่องนานหลายๆปี เมื่อตัดแต่งกิ่งใดก็จะแทงยอดใหม่แล้วออกดอกติดผลได้ทันที
* เกสรตัวผู้หรือเกสรตัวเมียอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่างไม่สมบูรณ์เกิด จากขาดสารอาหาร/ฮอร์โมน หรือสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม (อากาศร้อนจัดหรือฝนตกชุก) ผสมกันแล้วพัฒนาเป็นผล จะเป็นผลไม่สมบูรณ์ ไม่โต รูปทรงบิดเบี้ยว
สายพันธุ์
โรบัสต้า :
ชอบฝนชุก ปลูกได้ดีในเขตภาคใต้ที่มีฝนชุก ช่วงที่โรบัสต้าเริ่มดอกบานแล้วมีฝนชุก น้ำฝนจะทำให้เกสรชื้นแฉะจนไม่อาจผสมได้ทำให้ผลผลิตลดลง
อราบิก้า :
ชอบอากาศหนาวเย็น พื้นที่เหนือระดับน้ำทะเลค่อนข้างสูง ต้องการความชุ่มชื้นในดินปานกลาง จึงเหมาะสำหรับปลูกในเขตภาคเหนือโดยเฉพาะพื้นที่เชิงเขาระบายน้ำได้ดี
โรบัสต้ามีเนื้อ (เมล็ด) ขนาดเมล็ดใหญ่กว่าอราบิก้า ในขณะที่อราบิก้ามีขนาดเมล็ดเล็กกว่าแต่มีกลิ่นหอมแรงกว่า ผู้จำหน่ายกาแฟจึงใช้ทั้งสองสายพันธุ์ผสมกันทำให้คุณภาพดีขึ้นจึงได้รับความ นิยมสูง
การขยายพันธุ์
เพาะเมล็ด :
เลือกผลสดแก่จัดคาต้นจนเป็นสีแดง นำลงแช่น้ำเปล่า คัดผลลอยออกทิ้งเพราะเป็นผลไม่สมบูรณ์ขยำผลจมน้ำเอาเนื้อและเปลือกออกจน เหลือแต่เมล็ดใน พยายามอย่าให้เมล็ดในช้ำหรือแตก เสร็จแล้วนำขึ้นผึ่งลมให้แห้ง แห้งแล้วนำลงแช่ในไคตินไคโตซานหรือจุลินทรีย์หน่อกล้วยนาน 12-24 ชม. เพื่อให้เมล็ดพันธุ์ดูดซับสารอาหารและให้จุลินทรีย์กำจัดเชื้อโรคที่ปน เปื้อนอยู่กับเมล็ดพันธุ์ จากนั้นจึงนำไปเพาะในกระบะเพาะตามปกติ
ผลกาแฟเกิดจากดอกสมบูรณ์เพศ เมื่อนำเมล็ดไปขยายพันธุ์ต่อจึงมักไม่กลายพันธุ์แต่ก็ไม่แน่นอนเสมอไปเพราะ อาจจะมีเกสรตัวผู้ต่างสายพันธุ์จากต้นหรือแปลงข้างเคียงเข้าผสม เมื่อนำผล นั้นไปขยายพันธุ์จึงกลายพันธุ์ได้เช่นกัน
เมล็ดกาแฟไม่มีระยะพักตัวจึงไม่ควรเก็บทิ้งไว้นาน เกษตรกรนิยมเพาะเมล็ดเพราะทำได้ครั้งละมากๆ และต้นพันธุ์ที่ได้จากการเพาะเมล็ดจะให้ผลผลิตเมื่ออายุประมาณ 3 ปีหลังปลูก
ทาบกิ่ง. ติดตา. เปลี่ยนยอด.:
ปฏิบัติเหมือนการขยายพันธุ์ไม้ผลทั่วๆไป ต้นพันธุ์ที่ได้นอกจากจะตรงตามสาย พันธุ์เหนือกว่าการเพาะเมล็ดแล้วยังให้ผลผลิตเร็วกว่าอีกด้วย แต่เป็นวิธีการที่ไม่ค่อยนิยมเพราะได้ครั้งละน้อยต้น ใช้ต้นพื้นเมืองหรือ พันธุ์ที่มีระบบรากแข็งแรงเป็นตอแล้วเปลี่ยนยอดเป็นพันธุ์ดีก็จะช่วยให้ได้ ต้นที่ไม่กลายพันธุ์ สมบูรณ์แข็งแรง ให้ผลผลิตดี อายุต้นยืนนาน และระยะให้ผลผลิตนานยิ่งขึ้น
ระยะปลูก
- แปลงปลูกพื้นราบ 2 X 2 ม.
- แปลงปลูกยกร่องแห้งลูกฟูก 2 X 4 ม.
เตรียมดินและอินทรีย์วัตถุ
- ใส่ปุ๋ยคอก (มูลไก่ไข่/เนื้อ/นกกระทา...แห้งเก่าข้ามปี)ปีละ 2 ครั้ง
- ให้ยิบซั่มธรรมชาติ ปีละ 2 ครั้ง
- ให้กระดูกป่น ปีละ 1 ครั้ง
- คลุมโคนต้นด้วยเศษพืชแห้งหนาๆเต็มพื้นที่บริเวณทรงพุ่มล้ำออกไปถึงนอกเขตทรงพุ่ม
- ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิงหรือจุลินทรีย์ 1-2 เดือน/ครั้ง
หมายเหตุ :
- การฝังซากสัตว์ เช่น หอยเชอรี่ ปลาสด เป็นชิ้นเท่าลูกมะนาวหรือบดละเอียด ที่ชายเขตทรงพุ่ม 4-5 หลุม/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม. ฝังปีเว้นปี เพื่อให้ต้นมีสารอาหารกินตลอด 24 ชม. ต่อเนื่องหลายๆปีจะทำให้ต้นมีความสมบูรณ์สูงพร้อมต่อการบำรุงทุกขั้น ตอน
- ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพ (ทางใบ-ทางราก) บ่อยเกินไปจะทำให้ต้นหยุดการเจริญเติบโต ไม่แตกใบอ่อน ผลหยุดขยายขนาดแล้วกลายเป็นผลแก่ การให้ทางใบอาจเป็นแหล่งอาศัยและแพร่ระบาดของเชื้อราได้
- ฮอร์โมนธรรมชาติและฮอร์โมนวิทยาศาสตร์จะให้ประสิทธิภาพเต็มร้อยก็ต่อเมื่อ ต้นมีสภาพความสมบูรณ์สูง
เตรียมต้น
ตัดแต่งกิ่ง :
- ธรรมชาติการออกดอกติดผลของกาแฟนั้นสามารถออกได้ทั้งกิ่งชายพุ่มและกิ่งในทรง พุ่ม ทั้งนี้ทรงพุ่มต้องโปร่ง แสงแดดส่องได้ทั่วเข้าถึงภายในทรงพุ่ม ดังนั้นจึงจำเป็นต้องตัดแต่งกิ่งโดยเฉพาะกิ่งในทรงพุ่ม รวมไปถึงกิ่งกระโดงแตกใหม่ กิ่งคด กิ่งงอ กิ่งไขว้ กิ่งชี้ลง กิ่งหางหนู กิ่งเป็นโรค
- ตัดกิ่งที่บังแสงแดดต่อกิ่งอื่นออก ทำทรงพุ่มให้โปร่งจนแสงแดดสามารถส่องได้ทั่วถึงทุกกิ่ง กิ่งที่ได้รับแสงแดดจะสมบูรณ์ดีกว่ากิ่งที่ไม่ได้รับแสงแดดหรือได้รับแสงแดด น้อย
- นิสัยการออกดอกของกาแฟไม่จำเป็นต้องกระทบหนาว แต่ถ้าตัดแต่งกิ่ง-เรียกใบอ่อนช่วงต้นหน้าฝน แล้วเข้าสู่ขั้นตอนการบำรุงต่อไปตามลำดับอย่างถูกต้องสม่ำเสมอจะทำให้ต้นมี ความสมบูรณ์เต็มที่ดีกว่าการตัดแต่งกิ่งในช่วงอื่น
ตัดแต่งราก :
- อายุต้นยังน้อยไม่ควรตัดแต่งราก แต่ถ้าต้องการสร้างรากใหม่ให้มีประสิทธิภาพในการหาอาหารดียิ่งขึ้นให้ใช้ วิธีล่อรากโดยพูนโคนต้นด้วยดิน 3 ส่วนกับอินทรียวัตถุ 1 ส่วน
- ต้นอายุหลายปี ระบบรากเก่าและแก่มาก ให้พิจารณาตัดแต่งรากส่วนปลายออก 1 ใน 4 ด้วยการพรวนดินรอบทรงพุ่มลึก10-15 ซม. แล้วใส่อินทรีย์วัตถุ ให้ฮอร์โมนบำรุงราก ให้น้ำสม่ำเสมอ จากนั้นต้นจะแตกรากใหม่จำนวนมากขึ้นและมีประสิทธิภาพในการดูดซับสารอาหารได้ ดีกว่าเดิม
ขั้นตอนการปฏิบัติบำรุงต่อกาแฟ
1.เรียกใบอ่อน
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล.+ 46-0-0(400 กรัม)หรือ 25-5-5(400 กรัม) สูตรใดสูตรหนึ่ง + จิ๊บเบอเรลลิน 10 กรัม + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ฉีดพ่นพอเปียกใบ ต่อการเรียกใบอ่อน 1 ชุด
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง + 25-7-7(½-1 กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม./
เดือน
- ให้น้ำเปล่า ทุก 2-3 วัน
หมายเหตุ :
- เริ่มปฏิบัติทันทีในวันรุ่งขึ้นหลังตัดแต่งกิ่ง
- หลังจากให้ทางใบไปแล้ว 5-7 วัน ถ้าต้นใดแตกใบอ่อนน้อยกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ให้ฉีดพ่นซ้ำรอบสองด้วยอัตราและวิธีการเดิม
- กาแฟต้องการใบอ่อน 2 ชุด ถ้าต้นสมบูรณ์ดี มีการเตรียมดินและปรับปรุงบำรุงดินสม่ำเสมอต่อเนื่องมาหลายๆปีแล้ว หลังจากใบอ่อนชุดแรกเพสลาดให้เรียกใบอ่อนชุด 2 ต่อได้เลย ใบชุด 2 นี้อาจจะออกไม่พร้อมกันทั้งต้นเหมือนชุดแรกแต่ก็จะออกห่างกันไม่เกิน 7-10 วัน และหลังจากใบอ่อนชุด 2 เพสลาดก็ให้เข้าสู่ขั้นตอนการบำรุงต่อไปตามปกติ
2.เร่งใบอ่อนเป็นใบแก่
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล.+ 0-21-74 (400 กรัม)หรือ 0-39-39 (400 กรัม) สูตรใดสูตรหนึ่ง + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 กรัม +สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ฉีดพ่นพอเปียกใบ 1-2 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วัน
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
ให้น้ำปกติ ทุก 2-3 วัน
หมายเหตุ :
- เริ่มให้เมื่อใบอ่อนเริ่มแผ่กางรับแสงแดดได้
- วัตถุประสงค์เพื่อเร่งใบชุดใหม่ให้สามารถสังเคราะห์อาหารได้ และเร่งระยะเวลาเรียกใบอ่อนชุดต่อไปได้เร็วขึ้น กับทั้งเพื่อให้ใบอ่อนรอดพ้นจากทำลายของแมลงประเภทปากกัดปากดูด
- สารอาหารในกลุ่มเร่งใบอ่อนเป็นใบแก่มีฟอสฟอรัส.และโปแตสเซียม. นอกจากช่วยใบอ่อนเป็นใบแก่แล้วยังช่วยเสริมประสิทธิภาพขั้นตอนสะสมอาหาร เพื่อการออกดอกได้อีกด้วย
3.สะสมอาหารเพื่อการออกดอก
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล. + 0-42-56 (400 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ทุก 5-7 วัน ติดต่อกัน 2-3 รอบ ฉีดพ่นพอเปียกใบ จะช่วยให้ต้นสมบูรณ์เต็มที่
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพรทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- ให้ 8-24-24 (½-1 กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม./เดือน
- ให้น้ำเปล่าปกติทุก 2-3 วัน
หมายเหตุ :
- เริ่มปฏิบัติเมื่อใบอ่อนชุดสุดท้ายเพสลาด
- แนวทางบำรุงให้ต้นได้สะสมอาหารเพื่อการออกดอกไว้มากที่สุดควรเตรียมแผนใช้ เวลาบำรุง 2-2 เดือนครึ่ง ในห้วงนี้ให้กลูโคสผงหรือนมสัตว์สด 2 รอบ โดยรอบแรกให้เมื่อเริ่มลงมือบำรุงและให้รอบสองห่างจากรอบแรก 20-30 วัน
4.ปรับ ซี/เอ็น เรโช
- กรณีกาแฟไม่ต้องงดน้ำเหมือนไม้ผลทั่วๆไปแต่ยังคงให้น้ำตามปกติ
- การทำให้ต้นอั้นตาดอกด้วยวิธีโน้มกิ่งให้ระนาบกับพื้นก่อน แล้วรูดใบแก่ออกประมาณ 30-50 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนใบในกิ่งนั้น (เด็ดใบออกทิ้งใบเว้นใบ) เหลือใบยอดไว้ 2-3 คู่ จะช่วยให้ต้นเกิดอาการอั้นตาดอก แล้วออกดอกได้ดีกว่าไม่ได้โน้มกิ่งเด็ดใบ
- ต้นที่มีอาการอั้นตาดอกดีจนพอใจแล้วไม่ต้องฉีดพ่นกลูโคสหรือนมสัตว์สดเพิ่ม อีก แต่ถ้าต้นมีอาการอั้นตาดอกไม่ดีหรือยังไม่น่าพอใจ แนะนำให้ฉีดพ่นกลูโคสหรือนมสัตว์ทางใบอีกซ้ำอีก 1 รอบ โดยเว้นระยะเวลาให้ห่างจากที่เคยให้เมื่อช่วงสะสมอาหารไม่น้อยกว่า 30-45 วัน
5.เปิดตาดอก
ทางใบ :
สูตร 1.....ให้น้ำ 100 ล. + สาหร่ายทะเล 100 ซีซี. + ฮอร์โมนไข่ 100
ซีซี.+ ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.+ เอ็นเอเอ. 25 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.
สูตร 2.....ให้น้ำ 100 ล. + 13-0-46 (500 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม
100 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.
เลือกใช้สูตรใดสูตรหนึ่งหรือทั้งสองสูตรแบบสลับครั้งกัน ห่างกันครั้งละ 5-7 วัน ฉีดพ่นพอเปียกใบ
ทางราก :
- ให้ 8-24-24 (½ กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม.
- ให้น้ำปกติทุก 2-3 วัน
หมายเหตุ :
- เลือกใช้ให้ทางใบด้วยสูตรใดสูตรหนึ่งหรือใช้ทั้งสองสูตรแบบสลับครั้งกันก็ได้
- เปิดตาดอกแล้ว ถ้าดอกออกมาไม่มากพอ ระหว่างที่ดอกชุดแรกยังเป็นดอกตูมอยู่นั้น ให้เปิดตาดอกซ้ำอีก 1-2 รอบด้วยสูตรเดิม หรือจนกระทั่งดอกชุดแรกบานแล้วจึงยุติการเปิดตาดอกซ้ำ
- เปิดตาดอกแล้วมีทั้งใบอ่อนและดอกออกมาพร้อมกัน ให้เปิดตาดอกด้วยสูตรเดิมซ้ำอีก 1-2 รอบ นอกจากช่วยกดใบอ่อนที่ออกมาพร้อมกับดอกแล้วยังดึงช่อดอกที่ยังไม่ออกให้ออก มาได้อีกด้วย
6.บำรุงดอก
ทางใบ :
ให้น้ำ 00 ล. + 15-45-15(400 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + เอ็นเอเอ. 100 ซีซี.+ ฮอร์โมนไข่ 50 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ฉีดพ่นพอเปียกใบ 1-2 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วัน
ทางราก :
- ให้ 8-24-24 (½ กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม.
- ให้น้ำปกติ ทุก 2-3 วัน
หมายเหตุ :
- ช่วงดอกตั้งแต่เริ่มแทงออกมาให้เห็นหรือระยะดอกตูม บำรุงด้วยฮอร์โมน เอ็นเอเอ. 1 รอบ จะช่วยบำรุงเกสรทั้งตัวผู้และตัวเมียให้สมบูรณ์พร้อมรับผสม แต่ต้องใช้ด้วยระมัดระวังเพราะถ้าให้เข้มข้นเกินไปจะเกิดความเสียหายต่อ ดอกและถ้าให้อ่อนเกินไปก็จะไม่ได้ผล
- ช่วงดอกเริ่มแทงออกมาใหม่ๆให้แคลเซียม โบรอน. 1 รอบ จะช่วยให้ดอกสมบูรณ์ผสมติดดี
- ช่วงดอกตูมควรฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพรให้บ่อยขึ้นเพื่อป้องกันกำจัดโรคและแมลงศัตรูพืชจนถึงช่วงดอกบาน
- ช่วงดอกบานควรงดการฉีดพ่นทางใบโดยเฉาะช่วงกลางวัน (08.00-12.00 น.) เพราะอาจทำให้เกสรเปียกจนผสมไม่ติดได้ หากจำเป็นต้องฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพรให้ฉีดพ่นช่วงหลังค่ำ
- ระยะดอกบานถ้าตรงกับช่วงฝนชุกเกสรจะเปียกชื้นทำให้ผสมไม่ติด กรณีนี้แก้ไขด้วยกะระยะเปิดตาดอกให้ดอกออกมาแล้วไม่ตรงกับช่วงฝนชุกเท่า นั้น แต่ถ้าดอกออกมาตรงกับช่วงแล้งอากาศร้อนมากเกสรจะฝ่อทำให้ผสมไม่ติดเช่นกัน แก้ไขโดยสร้างความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศและที่พื้นดินในทั้งในแปลงปลูกและรอบๆ แปลงปลูก......มาตรการบำรุงต้นและดอกให้สมบูรณ์อย่างแท้จริงอยู่เสมอตั้งแต่ เริ่มต้นจะช่วยลดความสูญเสียได้เป็นอย่างมาก
- เพื่อความมั่นใจในเปอร์เซ็นต์หรือประสิทธิภาพของฮอร์โมน เอ็นเอเอ. แนะนำให้ใช้ฮอร์โมน เอ็นเอเอ.วิทยาศาสตร์แทนฮอร์โมน เอ็นเอเอ.ทำเองจะได้ผลกว่า
- ฉีดพ่นสารอาหารเพื่อบำรุงดอกด้วยเครื่องมือฉีดพ่นที่มีแรงลมพ่นเบาที่สุดตาม ความเหมาะสมเพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนต่อส่วนต่างๆของดอก ฉีดพ่นที่ช่อดอกโดยตรงพอเปียกหรือฉีดพ่นให้ทั่งทรงพุ่มพอเปียกใบก็ ได้
- บำรุงดอกช่วงฝนชุกให้เน้น “สังกะสี และ แคลเซียม โบรอน” โดยให้เมื่อดอกออกมาแล้วหรือให้แบบสะสมล่วงหน้าตั้งแต่ช่วงเปิดตาดอก ด้วยวิธีให้เดี่ยวๆหรือผสมรวมไปกับธาตุอาหารอื่นๆก็ได้
- การไม่ใช้สารเคมีเลยติดต่อกันเป็นเวลานานๆจะทำให้มีผึ้งหรือแมลงธรรมชาติ อื่นๆเข้ามาช่วยผสมเกสรส่งผลให้ติดผลดกขึ้น
8.บำรุงผลเล็ก
ทางใบ :
ให้น้ำ 100 ล. + 15-45-15 (400 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ฉีดพ่นพอเปียกใบ ทุก 7-10 วัน
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- ใส่ยิบซั่มธรรมชาติ 10 เปอร์เซ็นต์ของอัตราการใส่เมื่อช่วงเตรียมดิน
- ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง (เน้น มูลค้างคาว)+ 25-7-7(½ กก.)/ต้นทรงพุ่ม
3-5 ม./เดือน
- ให้น้ำปกติทุก 2-3 วัน
หมายเหตุ :
เริ่มเมื่อกลีบดอกเริ่มร่วงหรือเกสรผสมติดเป็นผลแล้ว
9.บำรุงผลกลาง
ทางใบ :
- ห้น้ำ 100 ล. + 15-45-15 (400 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100ซีซี. + ไคโตซาน 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ฉีดพ่นพอเปียกใบ ทุก 7-10 วัน
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพรทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง (เน้นมูลค้างคาว) + 8-24-24 สลับครั้งกับ 21-
7-14 หรือให้ 8-24-24 สองรอบแล้วให้ 21-7-14 หนึ่งรอบ (1/2-1 กก.)/ต้นทรงพุ่ม
3-5 ม./เดือน
- ให้น้ำปกติ ทุก 2-3 วัน
หมายเหตุ :
- เริ่มบำรุงเมื่อเมล็ดในเริ่มเข้าไคล
- ผลไม้ทั่วไปเมื่อถึงระยะผลเริ่มเข้าไคลให้บำรุงด้วยสูตร “หยุดเมล็ด-สร้างเนื้อ” เพราะเป็นผลไม้บริโภคส่วนเนื้อแต่กรณีกาแฟจะต้องบำรุงด้วยสูตร “สร้างเมล็ด-หยุดเนื้อ” เพราะเป็นผลไม้บริโภคส่วนเมล็ด
- เนื่องจากอายุผลของกาแฟนานมาก ช่วงผลกลางต้องใช้เวลา 6-7 เดือน การบำรุงช่วงผลกลางแนะนำให้ ธาตุรอง/ธาตุเสริม เดือนละ 1 ครั้ง หรือ 2 เดือน/3 ครั้ง โดยแบ่งให้ตลอดช่วงผลกลางนอกจากช่วยบำรุงขยายขนาดผลให้ใหญ่แล้วยัง บำรุงให้เนื้อแน่นและน้ำหนักดีขึ้นอีกด้วย
- ถ้าต้นติดผลดกมากควรให้ฮอร์โมนน้ำดำ กับ แคลเซียม โบรอน 1-2 รอบ ตลอดระยะผล
กลางจะช่วยให้ต้นไม่โทรมเนื่องจากรับภาระเลี้ยงผลมาก ช่วยบำรุงคุณภาพเมล็ดให้ใหญ่และคุณภาพ
ดีขึ้น
- ให้กำมะถัน 1 รอบ แบ่งให้ตลอดระยะผลกลางหรือให้ก่อนเก็บเกี่ยวเพื่อเร่งกลิ่นให้จัดขึ้น
- ให้มูลค้างคาว 1-2 กำมือ/ต้น โดยละลายน้ำรดโคนต้นบริเวณชายพุ่ม 3-4 เดือน/ครั้ง จะช่วยบำรุงเมล็ดให้มีขนาดใหญ่และคุณภาพดีขึ้น
10.บำรุงผลแก่
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล.+ 0-0-50(400 ซีซี.)หรือ 0-21-74 (400 ซีซี.) สูตรใดสูตรหนึ่ง 400 กรัม + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. หรือ น้ำ 100 ล.+ มูลค้างคาวสกัด 100 ซีซี. + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. 1-2 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วันก่อนเก็บเกี่ยว ฉีดพ่นพอเปียกใบ
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- ให้ 13-13-24 หรือ 8-24-24 (½-1 กก)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม.
- ให้น้ำปกติ ทุก 2-3 วัน
หมายเหตุ :
- เริ่มบำรุงก่อนเก็บเกี่ยว 10-15 วัน
- ช่วงผลแก่จัดใกล้เก็บเกี่ยวมีฝนตกชุก แนะนำให้ฉีดพ่นกลูโคสหรือนมสัตว์สด 1 รอบเพื่อป้องกันต้นสะสมไนโตรเจน (จากน้ำฝน) มากเกินไปซึ่งจะทำให้รสและกลิ่นไม่ดี
- การบำรุงผลแก่ใกล้เก็บเกี่ยวโดยให้ทางรากด้วย 8-24-24 เหมาะสำหรับต้นที่มีผลหลายรุ่นซึ่งหลังจากเก็บเกี่ยวผลแก่รุ่นแรกไปแล้วจะ ช่วยบำรุงผลชุดหลังต่อ นอกจากนี้ยังทำให้ต้นไม่โทรมเหมาะสำหรับการเตรียมความพร้อมต้นต่อการปฏิบัติ บำรุงรุ่นปีต่อไปอีกด้วย
กาแฟ
กาแฟ