สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ไข่เน่า

ไข่เน่า

                      ลักษณะทางธรรมชาติ
                * เป็นไม้ผลยืนต้นขนาดใหญ่  อายุยืนนานนับร้อยปี  เจริญเติบโตดีในพื้นที่แห้งแล้ง    นิยมปลูกเป็นไม้ร่มเงาเพราะไม่ผลัดใบ
                * เริ่มให้ผลผลิตเมื่ออายุ 3-4 ปีหลังปลูก  ดอกดอกติดผลปีละรุ่น  ดอกเป็นดอกสมบูรณ์เพศผสมตัวเองหรือต่างต้นต่างดอกได้
                * ออกดอกช่วงเดือน ม.ค.- ก.พ.  ผลแก่เก็บเกี่ยวช่วงเดือน มิ.ย.- ก.ค.
                * ช่วงพักต้นหลังเก็บเกี่ยวผลผลิตต้องการความแล้ง ช่วงออกดอกติดผลต้องการน้ำสม่ำเสมอ
                * ผลเมื่ออ่อนเป็นสีเขียวแต่เมื่อแก่จัดทั้งเปลือกผลและเนื้อเป็นสีดำ รสหวานเล็กน้อย กลิ่นเฉพาะตัว โดยทั่วไปไม่นิยมรับประทานจึงทำให้ต้นไข่เน่าไม่ได้รับความสนใจปลูกเท่าที่ควร

                  สายพันธุ์
                พันธุ์พื้นเมือง แยกเป็นพันธุ์ผลเล็กกับพันธุ์ผลใหญ่.....พันธุ์ผลใหญ่รสชาติดีกว่า

       
            การขยายพันธุ์
                ตอน (ดีที่สุด).  เพาะเมล็ด.
 
                   เตรียมดินและอินทรีย์วัตถุ
                - ใส่ปุ๋ยคอก (มูลวัวเนื้อ/นม + มูลไก่ไข่/เนื้อ/นกกระทา......แห้งเก่าข้ามปี) ปีละ 2 ครั้ง
                - ให้ยิบซั่มธรรมชาติ  ปีละ 2 ครั้ง
                - ให้กระดูกป่น  ปีละ 1 ครั้ง
                - คลุมโคนต้นด้วยเศษพืชแห้งหนาๆเต็มพื้นที่บริเวณทรงพุ่ม  ล้ำออกไปถึงนอกเขตทรงพุ่ม
                - ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิงหรือจุลินทรีย์ 1-2 เดือน/ครั้ง
                หมายเหตุ  :
                - การฝังซากสัตว์ เช่น หอยเชอรี่  ปลาสด  เป็นชิ้นเท่าลูกมะนาวหรือบดละเอียด ที่ชายเขตทรงพุ่ม 4-5 หลุม/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม. ฝังปีเว้นปี เพื่อให้ต้นมีสารอาหารกินตลอด 24 ชม. ต่อเนื่องหลายๆปีจะทำให้ต้นมีความสมบูรณ์สูงพร้อมต่อการบำรุงทุกขั้นตอน
                - ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพ (ทางใบ-ทางราก) บ่อยเกินไปจะทำให้ต้นหยุดการเจริญเติบโต ไม่แตกใบอ่อน  ผลหยุดขยายขนาดแล้วกลายเป็นผลแก่  การให้ทางใบอาจเป็นแหล่งอาศัยและแพร่ระบาดของเชื้อราได้
                - ให้กลูโคสหรือนมสัตว์สดเฉพาะช่วงสำคัญ เช่น เร่งใบอ่อนเป็นใบแก่  สะสมอาหาร  บำรุงผลกลาง ช่วงละ 1-2 ครั้ง ห่างกันครั้งละ 20-30 วัน........ถ้าให้บ่อยเกินไปจะทำให้ต้นเกิดอาการนิ่ง ไม่ตอบสนองต่อสารอาหารหรือฮอร์โมนใดๆทั้งสิ้น
                - ฮอร์โมนธรรมชาติและฮอร์โมนวิทยาศาสตร์จะให้ประสิทธิภาพเต็มร้อยก็ต่อเมื่อ ต้นมีสภาพความสมบูรณ์สูง
 
                 เตรียมต้น
                ตัดแต่งกิ่ง :
                - ไข่เน่าออกดอกติดผลที่ซอกใบปลายกิ่งของกิ่งแตกใหม่ในปีนั้น
                - ตัดกิ่งบังแสงแดดต่อกิ่งอื่นออก ทำให้ทรงพุ่มโปร่งจนแสงแดดสามารถส่องได้ถึงทุกกิ่งทั่วทรงพุ่ม  กิ่งได้รับแสงแดดจะสมบูรณ์ดีกว่ากิ่งไม่ได้รับแสงแดด  หรือได้รับแสงแดดน้อย
                - ตัดกิ่งกระโดง  กิ่งในทรงพุ่ม  กิ่งคดงอ  กิ่งชี้ลง  กิ่งไขว้  กิ่งหางหนู  กิ่งเป็นโรค และกิ่งที่ออกดอกติดผลแล้วเพื่อเรียกยอดใหม่สำหรับออดอกติดผลในรุ่นปีต่อไป การตัดแต่งกิ่งภายในทรงพุ่มควรให้โปร่งจนแสงส่องผ่านลงไปถึงโคนต้นได้
                - ตัดแต่งกิ่งปกติควรตัดให้เหลือใบประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์และเมื่อใบอ่อนชุดใหม่ออกมาแล้วให้มีใบประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์จะช่วยให้การผลิดอกติดผลดี
                - ตัดยอดกิ่งประธาน (ผ่ากบาล) ณ ความสูงต้นตามต้องการ  นอกจากช่วยทำให้แสงแดดผ่านจากยอดเข้าสู่ภายในทรงพุ่มได้อย่างทั่วถึงละแสงแดดที่ร้อนยังช่วยกำจัดเชื้อราได้เป็นอย่างดี และเพื่อควบคุมขนาดความสูงทรงพุ่มอีกด้วย
                - นิสัยไข่เน่ามักออกดอกหลังจากกระทบหนาวได้ระยะหนึ่ง  ดังนั้นจึงควรตัดแต่งกิ่ง-เรียกใบอ่อนช่วงต้นหน้าฝน  แล้วเข้าสู่ขั้นตอนการบำรุงต่อไปตามลำดับจะทำให้ต้นมีความสมบูรณ์เต็มที่ดีกว่าการตัดแต่งกิ่งในช่วงอื่น  หมายความว่า หลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วยังไม่ต้องตัดแต่งกิ่งแต่ให้บำรุงตามปกติต่อไปก่อน  จนกระทั่งเข้าสู่หน้าฝนจึงลงมือตัดแต่งกิ่ง
                ตัดแต่งราก  :
                - ระยะต้นอายุยังน้อยไม่ควรตัดแต่งรากแต่ถ้าต้องการสร้างรากใหม่ให้มีประสิทธิภาพในการหาอาหารดียิ่งขึ้นใช้วิธีล่อรากด้วยการพูนโคนต้นด้วยดิน 3 ส่วนกับอินทรีย์วัตถุ 1 ส่วน
                - ต้นอายุหลายปี  ระบบรากเก่าและแก่มาก  ให้พิจารณาตัดแต่งรากส่วนปลายออก 1 ใน 4 ด้วยการพรวนดินรอบทรงพุ่มลึก 10-15 ซม. หลังจากให้ฮอร์โมนบำรุงรากไปแล้วต้นจะแตกรากใหม่จำนวนมากขึ้นและมีประสิทธิภาพในการดูดซับสารอาหารได้ดีกว่าเดิม

 

ขั้นตอนการปฏิบัติบำรุงต่อไข่เน่า

 
              
1. เรียกใบอ่อน
                ทางใบ :
                ให้ น้ำ  100 ล. + 46-0-0 (400 กรัม) หรือ 25-5-5 (400 กรัม) สูตรใดสูตรหนึ่ง + จิ๊บเบอเรลลิน 10 ซีซี. + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.    ฉีดพ่นพอเปียกใบ  ทุก  5-7  วัน
                ทางราก :
                - ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง + 25-7-7 (1-2) กก./ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม./เดือน
                - ให้น้ำเปล่า  ทุก  3-5  วัน
                หมายเหตุ  :
                - ใบอ่อนเมื่อออกมาแล้วเร่งต้องระวังโรคและแมลงศัตรูเข้าทำลายเพราะหากใบอ่อนชุดใดชุดหนึ่งถูกลายเสียหายต้องเริ่มเรียกชุด 1 ใหม่  ซึ่งจะทำให้เสียเวลาและกำหนดระยะการออกดอกติดผลต้องเลื่อนออกไปอีกด้วย
                - เรียกใบอ่อนโดยการใส่ปุ๋ยทางรากสูตร  25-7-7  จะช่วยให้ได้ใบที่มีขนาดใหญ่หนา  มีพื้นที่หน้าใบสังเคราะห์อาหารมากและคุณภาพดีกว่าใส่ปุ๋ยสูตรเสมอ
                - หลังจากให้ทางใบไปแล้ว 5-7 วัน ถ้าต้นแตกใบอ่อนน้อยกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ให้ฉีดพ่นซ้ำรอบสองด้วยอัตราและวิธีการเดิม
 
              2.  เร่งใบอ่อนเป็นใบแก่
                ทางใบ  :
                - ให้ น้ำ  100  ล. + 0-21-74 (400 กรัม) หรือ 0-39-39 (400 กรัม) สูตรใดสูตรหนึ่ง + ธาตุรอง/ธาตุเสริม   100 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร  250  ซีซี.   ฉีดพ่นพอเปียกใบ  1-2 รอบ  ห่างกันรอบละ 3-5 วัน
                 - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร  ทุก 2-3 วัน
                ทางราก  :
                - ให้  8-24-24 (1/2 กก.)/ต้นทรงพุ่ม 5 ม.
                - ให้น้ำปกติ  ทุก  2-3 วัน
                หมายเหตุ  :
                - ลงมือบำรุงเมื่อใบอ่อนชุดแรกอกมาเริ่มแผ่กาง
                - วัตถุประสงค์เพื่อเร่งใบชุดใหม่ให้สามารถสังเคราะห์อาหารได้ และเร่งระยะเวลาเรียกใบอ่อนชุดต่อไปได้เร็วขึ้น  กับทั้งเพื่อให้ใบอ่อนรอดพ้นจากทำลายของแมลงปากกัดปากดูด
 
               3. สะสมอาหารเพื่อการออกดอก
                ทางใบ :
                - ให้ น้ำ 100 ล. + 0-42-56 (400 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ทุก 5-7 วัน ติดต่อกัน 2-3 รอบแล้วให้น้ำ 100 ล.+ ฮอร์โมนไข่  25 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250ซีซี. สลับ 1 รอบ  ฉีดพ่นพอเปียกใบ  ติดต่อกัน 1-2  เดือน จะช่วยให้ต้นสมบูรณ์เต็มที่
                - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร  ทุก 2-3 วัน
                ทางราก :
                - ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง +  8-24-24 (1 กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม./เดือน
                - ให้น้ำเปล่าปกติทุก 2-3 วัน
                หมายเหตุ  :
                - เริ่มปฏิบัติหลังจากใบอ่อนชุดสุดท้ายเพสลาด
                - แนวทางบำรุงให้สะสมอาหารเพื่อการออกดอกไว้มากที่สุด ควรเตรียมแผนใช้เวลาบำรุง 2-2 เดือนครึ่ง  โดยให้กลูโคสผงหรือนมสัตว์สดรอบแรกเมื่อเริ่มลงมือบำรุงและให้รอบ 2 ห่างจากรอบแรก 20-30 วัน
                - ปริมาณ 8-24-24  ใส่มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณการติดผลในรุ่นที่ผ่านมา  กล่าวคือ  ถ้ารุ่นที่ผ่านมาติดผลดกมาก  ผลผลิตมีคุณภาพดีมาก  ให้ใส่ในปริมาณที่มากขึ้น  แต่ถ้ารุ่นที่ผ่านมาติดผลดกน้อยหรือไม่ติดผลเลย  ให้ใส่ในปริมาณปานกลาง
                - การเพิ่มปริมาณปุ๋ยให้มากขึ้น  หมายถึง  การให้อัตราเดิมแต่ระยะเวลาให้ถี่ขึ้นเช่น  จากเคยให้ 15 วัน/ครั้งก็ให้เปลี่ยนเป็น 10 วัน/ครั้ง

            4.  ปรับ  ซี/เอ็น  เรโช
                ทางใบ
                - ในรอบ 7-10 วันให้น้ำ 100 ล.+ 0-42-56 (400 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร  250  ซีซี. 1 รอบกับให้ น้ำ 100  ล.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. อีก 1 รอบ ฉีดพ่นพอเปียกใบ
                ทางราก
                - เปิดหน้าดินโคนต้น
                - งดน้ำเด็ดขาด
                 หมายเหตุ :
                - วัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มปริมาณ ซี. (อาหารกลุ่มสร้างดอก-บำรุงผล) และลดปริมาณ เอ็น. (อาหารกลุ่มสร้างใบ-บำรุงต้น) ซึ่งจะส่งผลให้ต้นอั้นตาดอกดีขึ้น
                - ต้นที่มีอาการอั้นตาดอกดีจนพอใจแล้วไม่ต้องฉีดพ่นกลูโคสหรือนมสัตว์สดเพิ่มอีก  แต่ถ้าต้นมีอาการอั้นตาดอกไม่ดีหรือยังไม่น่าพอใจ  แนะนำให้ฉีดพ่นกลูโคสหรือนมสัตว์สดทางใบอีกซ้ำอีก 1 รอบ  โดยเว้นระยะเวลาให้ห่างจากที่เคยให้เมื่อช่วงสะสมอาหารไม่น้อยกว่า 30-45 วัน
                - ขั้นตอนการปรับอัตราส่วน  ซี/เอ็น  เรโช. จะสมบูรณ์ดีหรือไม่ให้สังเกตจากต้น  ถ้าต้นเกิดอาการใบสลดแสดงว่าในต้นมีปริมาณ ซี.มากส่วนปริมาณ เอ็น.เริ่มลดลง  และความพร้อมของต้นก่อนเปิดตาดอกสังเกตได้จากลักษณะใบใหญ่หนาเขียวเข้ม  กิ่งช่วงปลายและใบกรอบเปราะ  ข้อใบสั้น  หูใบอวบอ้วน ตาดอกโชว์เห็นชัด
                - การให้สารอาหารทางใบซึ่งมีน้ำเป็นส่วนผสมนั้น  อย่าให้โชกจนตกลงถึงพื้นเพราะจะกลายเป็นการให้น้ำทางราก  แนวทางปฏิบัติ คือ ให้บางๆเพียงเปียกใบเท่านั้น
                - เมื่องดน้ำ (ไม่รดน้ำ) แล้วต้องควบคุมปริมาณน้ำใต้ดินโคนต้นไม่ให้มากเกินไปโดยการทำร่องระบายน้ำป้องกันน้ำขังค้าง

             5. เปิดตาดอก
                ทางใบ  :
                สูตร 1
                ให้ น้ำ 100 ล. + สาหร่ายทะเล 50 กรัม + ฮอร์โมนไข่  100 ซีซี. + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.
                สูตร 2
                ให้ น้ำ 100 ล. +13-0-46 (500 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + เอ็นเอเอ. 25  ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.
                เลือกใช้สูตรใดสูตรหนึ่งหรือทั้งสองสูตรแบบสลับครั้งกัน  ห่างกันครั้งละ 5-7 วัน  ฉีดพ่นพอเปียกใบ
                ทางราก :
                - ให้ 8-24-24 (½ กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม.
                - ให้น้ำปกติทุก 2-3 วัน
                 
หมายเหตุ  :
                - เลือกใช้ให้ทางใบด้วยสูตรใดสูตรหนึ่งหรือใช้ทั้งสองสูตรแบบสลับครั้งกันก็ได้

            6.  บำรุงดอก
                ทางใบ
                - ให้น้ำ 100 ล.+ 15-45-15 (400 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม  100  ซีซี.+ เอ็นเอเอ. 100  ซีซี.+ ฮอร์โมนไข่  25  ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร  250  ซีซี.ทุก  5-7  วัน   ฉีดพ่นพอเปียกใบ
                - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก  3  วัน
                ทางราก
                - ยังคงเปิดหน้าดินโคนต้นเช่นเดิม
                - ให้  8-24-24 ( ½-1 กก)./ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม.
                - ให้น้ำพอหน้าดินชื้น
                หมายเหตุ  :
                - ช่วงดอกตั้งแต่เริ่มแทงออกมาให้เห็นหรือระยะดอกตูม บำรุงด้วยฮอร์โมน เอ็นเอเอ. 1-2 รอบ จะช่วยบำรุงเกสรทั้งตัวผู้และตัวเมียให้สมบูรณ์พร้อมรับผสม แต่ต้องใช้ด้วยระมัดระวังเพราะถ้าให้เข้มข้นเกินไปจะเกิดความเสียหายต่อดอกและถ้าให้อ่อนเกินไปก็จะไม่ได้ผล
                - เพื่อความมั่นใจในเปอร์เซ็นต์หรือประสิทธิภาพของฮอร์โมน เอ็นเอเอ. แนะนำให้ใช้ฮอร์โมน เอ็นเอเอ.วิทยาศาสตร์แทนฮอร์โมน เอ็นเอเอ.ทำเองจะได้ผลกว่า
                - ฉีดพ่นสารอาหารเพื่อบำรุงดอกด้วยเครื่องมือฉีดพ่นที่มีแรงลมพ่นเบาที่สุดตามความเหมาะสมเพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนต่อส่วนต่างๆของดอก  ฉีดพ่นที่ช่อดอกโดยตรงพอเปียกหรือฉีดพ่นให้ทั่งทรงพุ่มพอเปียกใบก็ได้
                - บำรุงดอกช่วงฝนชุกให้เน้น  “สังกะสี และ แคลเซียม โบรอน”  โดยให้เมื่อดอกออกมาแล้วหรือให้แบบสะสมล่วงหน้าตั้งแต่ช่วงเปิดตาดอก  ด้วยวิธีให้เดี่ยวๆหรือผสมรวมไปกับธาตุอาหารอื่นๆก็ได้
                - ช่วงดอกตูมควรฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพรให้บ่อยขึ้น  เพื่อป้องกันกำจัดโรคและแมลงจนถึงช่วงดอกบาน
                - ช่วงดอกบานควรงดการฉีดพ่นทางใบโดยเฉาะช่วงกลางวัน (08.00-12.00 น.) เพราะอาจทำให้เกสรเปียกจนผสมไม่ติดได้  หากจำเป็นต้องฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพรให้ฉีดพ่นช่วงหลังค่ำ
                 - การไม่ใช้สารเคมีเลยติดต่อกันเป็นเวลานานๆ จนมีผึ้งหรือมีแมลงธรรมชาติอื่นๆจำนวนมาก  แมลงเหล่านี้จะช่วยผสมเกสรส่งผลให้ติดผลดกขึ้น
 
              7.  บำรุงผลเล็ก
                ทางใบ
                ให้น้ำ  100  ล. + 21-7-14 (400 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100  ซีซี.+ แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี.+ ฮอร์โมนไข่  25  ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร  250  ซีซี.    ทุก  5-7  วัน  ฉีดพ่นพอเปียกใบ
                - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพรทุก  2-3  วัน
                ทางราก
                - ให้ยิบซั่มธรรมชาติ 10 เปอร์เซ็นต์ของอัตราการให้เมื่อช่วงเตรียมดิน
                - ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง + 25-7-7 (½-1 กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม./เดือน
                - ให้น้ำปกติ  ทุก  3-5  วัน
                - คลุมโคนต้นหนาๆด้วยเศษพืชแห้ง
                หมายเหตุ  :
                - การให้น้ำต้องค่อยๆเพิ่มปริมาณเพื่อให้ต้นปรับตัวทัน  จนกระทั่งถึงอัตราปกติ
                - ระยะผลเล็ก  ถ้าถูกแมลงปากกัด/ปากดูด  (เพลี้ย  ไร) เข้าทำลายจะทำให้รูปทรงผลและคุณภาพภายในผลเสียไปจนกระทั่งเป็นผลใหญ่

             8.  บำรุงผลกลาง
                ทางใบ
                - ให้ น้ำ 100 ล. + 21-7-14 (400 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + ไคโตซาน 100 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.  ทุก 7-10 วัน  ฉีดพ่นพอเปียกใบ
                - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร  ทุก  2-3  วัน
                ทางราก
                - ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง +  21-7-14 (½-1 กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม./เดือน
                - ให้น้ำเปล่าปกติ  ทุก  3-5  วัน
                หมายเหตุ  :
                - เริ่มปฏิบัติเมื่อเมล็ดเริ่มเข้าไคล การที่จะรู้ว่าผลเริ่มเข้าไคลแล้วจะต้องใช้วิธีสุ่มเก็บผลมาผ่าดูเมล็ดภายใน
                - การบำรุงระยะผลขนาดกลางต้องให้น้ำมากสม่ำเสมอแต่ต้องไม่ขังค้าง  ถ้าได้รับน้ำน้อยผลจะแคระแกร็น  หากมีฝนตกหนักลงมาอาจจะทำให้ผลแตกผลร่วงได้
                - ถ้าต้นติดผลดกมากควรให้ฮอร์โมนน้ำดำ กับ แคลเซียม โบรอน 1-2 รอบ ตลอดระยะผลกลางจะช่วยให้ต้นไม่โทรมเนื่องจากรับภาระเลี้ยงผลมาก

             9.  บำรุงผลแก่ก่อนเก็บเกี่ยว
                ทางใบ
                - ให้น้ำ 100 ล. + 0-21-74 (400 กรัม)  หรือ 0-0-50 (400 กรัม) สูตรใดสูตรหนึ่ง + ธาตุรอง/ธาตุสริม 100 ซีซี. +  สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.  หรือ  น้ำ 100 ล. + มูลค้างคาวสกัด 100 ซีซี. + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.   1-2 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วันก่อนเก็บเกี่ยว ฉีดพ่นพอเปียกใบ
                - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
                ทางราก
                - เปิดหน้าดินโคนต้น
                - ให้ 13-13-21 หรือ  8-24-24  สูตรใดสูตรหนึ่ง (1/2-1 กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม.
                - ให้น้ำพอละลายปุ๋ยแล้วงดน้ำเด็ดขาด
                หมายเหตุ  :
                - การให้ปุ๋ยเร่งหวาน (0-21-74  หรือ  0-0-50) ทางใบทำให้ไข่เน่ามีรสหวานจัดขึ้นไปอีก จนเรียกได้ว่า “หวานทะลุองศาบริกซ์”
                - การให้   “มูลค้างคาวสกัด”  ในอัตราเข้มข้นเกินไปอาจทำให้ผลแตกได้   ดังนั้น  ช่วงบำรุงผลขนาดกลางจะต้องสร้างเปลือกให้หนาไว้ก่อนด้วยปุ๋ยทางรากสูตร 21-7-14  ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาปุ๋ยแรงจนผลแตกได้
                - หากต้องการให้ไข่เน่ามีรสหวานพอดีๆหรือแน่ใจว่าบำรุงเร่งหวานทางรากดีแล้วก็ ไม่จำเป็นต้องเร่งหวานด้วยปุ๋ยทางใบก็ได้  ทั้งนี้ให้พิจารณาตามความเหมาะสม

view