เงาะ
ลักษณะทางธรรมชาติ
* เป็นไม้ผลยืนต้นอายุยืนนานหลายสิบปี ปลูกได้ทุกภูมิภาค ทุกพื้นที่ และทุกฤดูกาล ชอบดินร่วนปนทรายหรือดินร่วนปนดินเหนียว มีอินทรีย์วัตถุมาก ระบายน้ำดี ไม่ทนต่อสภาพน้ำท่วมขังค้างนาน
* ช่วงมีดอกและผลต้องการน้ำพอดีหรือพอชื้น แต่ช่วงพักต้นต้องการน้ำมาก
* พื้นที่มีน้ำหรือฝนมากสีผลจะออกเขียว ส่วนพื้นที่มีน้ำน้อยสามารถควบคุมปริมาณน้ำได้และอากาศเย็นสีผลจะออกแดงหรือ เหลืองอมแดงชัดเจนกว่า
* เงาะออกดอกติดผลที่ซอกใบปลายกิ่งจากกิ่งอายุข้ามปี กิ่งแขนงในทรงพุ่มอายุข้ามปีได้รับแสงแดด (ทรงพุ่มโปร่ง) ก็ออกดอกติดผลได้เช่นกัน
* ข้อมูลเกี่ยวกับดอกเงาะวันนี้ยังสับสน เอกสารทางวิชาการยังไม่อาจฟันธงได้ว่าดอกเงาะมีสภาพเป็นดอกตัวผู้ (ต้นตัวผู้). ดอกตัวเมีย (ต้นตัวเมีย). และดอกสมบูรณ์เพศ (ต้นกระเทย). อยู่ในต้นเดียวกันแต่ต่างช่อหรือช่อเดียวกันหรือต่างต้นกันแน่ กับทั้งข้อมูลจากประสบการณ์ตรงที่ชาวสวนเงาะยึดถือปฏิบัติหลายอย่างยังขัด แย้งกับข้อมูลทางวิชาการอยู่มาก การจะตัดสินระหว่างข้อมูลทางวิชาการกับข้อมูลที่เป็นประสบการณ์ตรงของชาวสวน ว่าของใครถูกหรือผิดนั้นยังไม่อาจทำได้ แนวคิดหนึ่งคือ วิธีการที่ชาวสวนเงาะปฏิบัติต่อดอกเงาะในปัจจุบันแล้วได้ผลผลิตอย่างน่าพอใจ น่าจะถือเป็นแนวทางถูกต้องได้
* ข้อมูลทางวิชาการต่อต้นเงาะระบุว่า......
- ปลูกต้นเงาะตัวผู้สลับแทรกกับต้นเงาะตัวเมีย อัตรา 1 : 18 ต้น เพื่อให้ต้นเงาะตัวเมียได้อาศัยเกสรตัวผู้เพื่อการผสมเกสร
- นำยอดเงาะต้นตัวผู้ 3-5 ยอดเสียบบนยอดเงาะต้นตัวเมียแบบกระจายทั่วทรงพุ่มต้นตัวเมียเพื่อ ให้ดอกตัวเมียได้รับเกสรจากดอกตัวผู้ในต้นเดียวกันนั้นเลย - ตัดช่อดอกเงาะตัวผู้ที่เกสรพร้อมผสมแล้ว ไปเคาะใส่ช่อดอกตัวเมียที่เกสรพร้อมรับการผสมแล้วเช่นกัน
- นำดอกเงาะตัวผู้ที่เกสรพร้อมผสมแล้วขยำในน้ำ แล้วนำน้ำนั้นไปฉีดพ่นใส่ช่อดอกตัวเมียที่พร้อมรับการผสมแล้วโดยตรงช่วงเช้า (06.00-07.00) หลังจากนั้นเวลาประมาณ 09.00-12.00 น. เกสรตัวผู้จะผสมกับเกสรตัวเมียเอง
* ใช้ฮอร์โมน เอ็นเอเอ. ฉีดพ่นใส่ช่อดอกโดยตรง โดยไม่จำกัดว่าเป็นช่อดอกของต้นตัวผู้ (ดอกตัวผู้) ต้นตัวเมีย (ดอกตัวเมีย) หรือต้นกระเทย (ดอกสมบูรณ์เพศ) ฮอร์โมน เอ็นเอเอ.จะช่วยเปลี่ยนเพศดอกกระเทยทำหน้าที่ดอกตัวเมียให้เป็นดอกตัวผู้ แล้วผสมกับเกสรตัวเมียให้กลายเป็นผลต่อไป
*เกสรตัวผู้หรือเกสรตัวเมียอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่างไม่ สมบูรณ์เกิดจากขาดสารอาหาร/ฮอร์โมนหรือสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม (อากาศร้อนหรือฝนตกชุก) แล้วผสมกันแล้วพัฒนาเป็นผลจะเป็นผลไม่สมบูรณ์ ไม่โต รูปทรงบิดเบี้ยว เรียกว่า เงาะขี้ครอก * เมื่อเงาะเริ่มเข้าสู่ระยะเปลี่ยน ให้จิ๊บเบอเรลลิน 1-2 รอบ จะช่วยให้การเข้าสีสม่ำเสมอกันทั้งช่อ และเข้าสีเร็วขึ้น
* ต้นพันธุ์จากกิ่งตอน. ทาบ. เสียบยอดบนตอเพาะเมล็ดและเสริมราก 1 ราก. จะให้ผลผลิตเมื่ออายุต้น 3-4 ปี ในขณะที่ต้นจากเพาะเมล็ดจะให้ผลผลิตเมื่ออายุ 6-7 ปี
* การเสริมราก 1-2 รากจะช่วยให้ต้นหาอาหารได้มากกว่ามีรากเดียว นอกจากจะส่งผลให้ต้นสมบูรณ์ให้ผลผลิตดีแล้วยังมีอายุยืนนานอีกด้วย
* ไม่ควรปลูกเงาะอย่างเดียวล้วนๆเป็นแปลงขนาดใหญ่ แต่ให้ปลูกร่วมหรือแซมสลับกับไม้ผล
อย่างอื่นที่มีนิสัยออกดอกติดผลปีละรุ่นและช่วงเวลาใกล้เคียงกัน เช่น ทุเรียน มังคุด ลองกอง
มะไฟ เป็นต้น
* ช่วงไม่มีผลอยู่บนต้น หรือหลังเก็บเกี่ยวผลผลิตไปแล้วถึงเข้าสู่ฤดูการบำรุงเพื่อเอาผลผลิต ซึ่งบน ต้นจะว่างเปล่า ให้บำรุงต้นด้วย “ฮอร์โมนน้ำดำ” อย่างสม่ำเสมอ 1-2 เดือน / ครั้ง จะช่วยให้ต้นมีความสมบูรณ์สูง พร้อมสำหรับการบำรุงเพื่อเอาผลผลิตรุ่นต่อไป ดี
* ให้ อีเทฟอน 50 มก./น้ำ 20 ล. หรือจิ๊บเบอเรลลิน 25 กรัม/น้ำ 20 ล. ฉีดพ่นพอเปียกใบทั่วต้น 1 รอบ ช่วงผลเริ่มเปลี่ยนสี จะช่วยบำรุงให้สีเปลือกผลสม่ำเสมอกันทุกผลโดยไม่ส่งผลเสียต่อคุณภาพ
* เงาะในเขตภาคตะวันออก จะออกดอกเดือนช่วงเดือน ธ.ค.-ม.ค. และผลแก่เก็บเกี่ยวในช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค. เงาะภาคใต้ออกดอกช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค. และผลแก่เก็บเกี่ยวในช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย. ส่วนเงาะภาคอิสานออกดอกช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. และผลแก่เก็บเกี่ยวในช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย.
สายพันธุ์
โรงเรียน (ดีที่สุด). บางยี่ขัน. ทองเมืองตราด. สายหมอก..........ส่วนเงาะพันธุ์อากร. สีนาก. ตาวี. เจ๊ะมง. และปีนังเบอร์ 4. ปัจจุบันนี้ไม่นิยมปลูก
การขยายพันธุ์
ตอน. ติดตา. เพาะเมล็ดเลี้ยงตอแล้วติดตา (ดีที่สุด) โดยติดตาบริเวณโคนกิ่งห่างจากลำต้น 15-20 ซม. ระยะที่ใบปลายกิ่งแก่จัด ส่วนการเพาะเมล็ดมักกลายพันธุ์
หมายเหตุ :
เนื่องจากเงาะเป็นไม้ประเภทไม่มียางหรือมีน้อยมาก ทำให้การขยายพันธุ์ด้วยวิธี ทาบกิ่ง หรือ เสียบยอด รวมทั้งเสริมรากด้วยวิธีทาบ ทำได้ค่อนข้างยาก
ระยะปลูก
- ระยะปกติ 8 X 8 ม. หรือ 8 X 10 ม.
- ระยะชิด 4 X 4 ม. หรือ 6 X 6 ม.
เตรียมดินและอินทรีย์วัตถุ
- ใส่ปุ๋ยคอก (มูลวัวเนื้อ/นม + มูลไก่ไข่/เนื้อ/นกกระทา (แห้งเก่าข้ามปี) ปีละ 2 ครั้ง
- ให้ยิบซั่มธรรมชาติ ปีละ 2 ครั้ง
- ให้กระดูกป่น ปีละ 1 ครั้ง
- คลุมโคนต้นด้วยเศษพืชแห้งหนาๆเต็มพื้นที่บริเวณทรงพุ่ม ล้ำออกไปถึงนอกเขตทรงพุ่ม
- ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิงหรือจุลินทรีย์ 1-2 เดือน/ครั้ง
หมายเหตุ:
- การฝังซากสัตว์ เช่น หอยเชอรี่ ปลาสด เป็นชิ้นเท่าลูกมะนาวหรือบดละเอียด ที่ชายเขตทรงพุ่ม 4-5 หลุม/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม. ฝังปีเว้นปี เพื่อให้ต้นมีสารอาหารกินตลอด 24 ชม. ต่อเนื่องหลายๆปีจะทำให้ต้นมีความสมบูรณ์สูงพร้อมต่อการบำรุงทุกขั้นตอน
- ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพ (ทางใบ-ทางราก) บ่อยเกินไปจะทำให้ต้นหยุดการเจริญเติบโต ไม่แตกใบอ่อน ผลหยุดขยายขนาดแล้วกลายเป็นผลแก่ การให้ทางใบอาจเป็นแหล่งอาศัยและแพร่ระบาดของเชื้อราได้
- ฮอร์โมนธรรมชาติและฮอร์โมนวิทยาศาสตร์จะให้ประสิทธิภาพเต็มร้อยก็ต่อเมื่อ ต้นมีสภาพความสมบูรณ์สูง
เตรียมต้น
ตัดแต่งกิ่ง :
- เงาะออกดอกจากซอกใบปลายกิ่งอายุข้ามปี การตัดแต่งกิ่งประจำปีหรือหลังเก็บเกี่ยวผลผลิตให้ตัดเฉพาะกิ่งที่ออกดอกติด ผลเพื่อสร้างใบใหม่สำหรับให้ออกดอกติดผลในปีต่อไป ส่วนกิ่งที่ไม่ออกดอกติดผลในปีนี้ให้คงไว้แล้วบำรุงต่อไป
- ต้นอายุต้นยังน้อยไม่เกิน 5 ปีตั้งแต่เริ่มปลูกให้ตัดแต่งกิ่งปกติ แต่ต้นที่อายุ 5 ขึ้นไป ต้นใหญ่หรือทรงพุ่มแน่นทึบให้ตัดแต่งกิ่งแบบทำสาวโดยเหลือกิ่งกับใบเลี้ยง ต้นไว้เพียง 10-15 เปอร์เซ็นต์ กิ่งที่แตกใหม่จะให้ผลผลิตในปีรุ่งขึ้น (เงาะออกดอกติดผลจากกิ่งข้ามปี) และคุณภาพดี จากนั้นให้ตัดแต่งกิ่งแบบทำสาวทุก 5 ปีหรือเมื่อต้นใหญ่ทรงพุ่มแน่นทึบ
- ตัดแต่งกิ่งปกติควรตัดให้เหลือใบประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์และเมื่อใบอ่อนชุดใหม่ออกมาแล้วให้มีใบประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์จะช่วยให้การผลิดอกติดผลดี
- ตัดกิ่งยอดประธาน (ผ่ากบาล) ณ ความสูงต้นตามต้องการ นอกจากช่วยทำให้แสงแดดผ่านจากยอดเข้าสู่ภายในทรงพุ่มได้อย่างทั่วถึงแล้วแสง แดดที่ร้อนยังช่วยกำจัดเชื้อราได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
- ตัดกิ่งที่บังแสงแดดต่อกิ่งอื่นออก ทำให้ทรงพุ่มโปร่งจนแสงแดดสามารถส่องได้ถึงทุกกิ่งทั่วทรงพุ่ม กิ่งที่ได้รับแสงแดดจะสมบูรณ์ดีกว่ากิ่งที่ไม่ได้รับแสงแดดหรือได้รับแสงแดด น้อย
- นิสัยเงาะมักออกดอกหลังจากกระทบหนาวได้ระยะหนึ่ง ดังนั้นจึงควรตัดแต่งกิ่ง-เรียกใบอ่อนช่วงต้นหน้าฝนแล้วเข้าสู่ขั้นตอนการ บำรุงต่อไปตามลำดับจะทำให้ต้นมีความสมบูรณ์เต็มที่ดีกว่าการตัดแต่งกิ่งใน ช่วงอื่น หมายความว่า หลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วยังไม่ต้องตัดแต่งกิ่งแต่ให้บำรุงตามปกติต่อไป ก่อน จนกระทั่งเข้าสู่หน้าฝนจึงลงมือตัดแต่งกิ่ง
ตัดแต่งราก :
- เงาะที่ต้นอายุยังน้อยไม่ควรตัดแต่งรากแต่ถ้าต้องการสร้างรากใหม่ให้มี ประสิทธิภาพในการหาอาหารดียิ่งขึ้นให้ใช้วิธีล่อรากด้วยการพูนโคนต้นด้วยดิน 3 ส่วนกับอินทรีย์วัตถุ 1 ส่วน
- ต้นอายุหลายปี ระบบรากเก่าและแก่มาก ให้พิจารณาตัดแต่งรากส่วนปลายออก 1 ใน 4 ด้วยการพรวนดินรอบทรงพุ่มลึก 10-15 ซม. หลังจากให้ฮอร์โมนบำรุงรากไปแล้วต้น
ขั้นตอนการปฏิบัติบำรุงต่อเงาะ
1.เรียกใบอ่อน
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล.+ 46-0-0(400 กรัม)หรือ 25-5-5(400 กรัม)สูตรใดสูตรหนึ่ง) + จิ๊บเบอเรลลิน 10 ซีซี.+ ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.
- ฉีดพ่นพอเปียกใบ ทุก 7-10 วัน
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง + 25-7-7(1-2) กก./ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม.
- ให้น้ำเปล่า ทุก 3-5 วัน
หมายเหตุ :
- ใบอ่อนเมื่อออกมาแล้วต้องระวังโรคและแมลงศัตรูเข้าทำลายใบ เพราะหากใบอ่อนชุดใดชุดหนึ่งถูกลายเสียหายจะต้องเริ่มเรียกชุด 1 ใหม่ ซึ่งจะทำให้เสียเวลาและกำหนดระยะการออกดอกติดผลต้องเลื่อนออกไปอีก ด้วย
- เรียกใบอ่อนโดยการใส่ปุ๋ยทางรากสูตร 25-7-7 จะช่วยให้ได้ใบที่มีขนาดใหญ่หนา มีพื้นที่หน้าใบสังเคราะห์อาหารมากและคุณภาพดีกว่าใส่ปุ๋ยสูตร เสมอ
- หลังจากให้ทางใบไปแล้ว 5-7 วัน ถ้าแตกใบอ่อนน้อยกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ให้ฉีดพ่นซ้ำรอบสองด้วยอัตราและวิธีการเดิม เพราะถ้าต้นแตกใบอ่อนไม่พร้อมกันทั่วทั้งต้นจะส่งผลเสียหลายอย่างตั้งแต่การ เร่งใบอ่อนเป็นใบแก่ การสะสมอาหารเพื่อการออก การปรับ ซี/เอ็น เรโช. การเปิดตาดอก ซึ่งจะออกดอกไม่พร้อมกันทั่วทั้งต้น และเมื่อดอกออกไม่พร้อมกันก็กลายเป็นผลไม่พร้อมกันทำให้ยุ่งยากต่อการ ปฏิบัติบำรุงตามขั้นตอนอย่างมาก....แนวทางแก้ไข คือ ต้องบำรุงเรียกใบอ่อนให้ออกมาเป็นชุดเดียวพร้อมกันทั้งต้นให้ ได้
- เงาะต้องการใบอ่อน 3 ชุด โดยมีวิธีทำดังนี้
วิธีที่ 1.....ถ้า ต้นสมบูรณ์ดีมีการเตรียมดินและปรับปรุงบำรุงดินสม่ำเสมอต่อเนื่องมาหลายๆปี แล้ว หลังจากใบอ่อนชุดแรกเพสลาดแล้วให้เรียกใบอ่อนชุด 2 ต่อได้เลย ใบชุด 2 นี้อาจจะออกไม่พร้อมกันทั้งต้นเหมือนชุดแรกแต่ก็จะออกห่างกันไม่ควรเกิน 7-10 วัน และหลังจากใบอ่อนชุด 2 เพสลาดให้เรียกใบอ่อนชุด 3 ต่อได้เลยอีกเช่นกัน การที่ใบอ่อนชุด 2 ออกไม่พร้อมกันนั้นจะส่งผลให้ใบอ่อนชุด 3 ออกไม่พร้อมกันทั้งอีกด้วย และสุดท้ายเมื่อใบอ่อนชุด 3 เพสลาดจึงเข้าสู่ขั้นตอนการบำรุงต่อไปตามปกติ
วิธีที่ 2.....หลัง จากใบอ่อนชุดแรกแผ่กางแล้วเร่งให้เป็นใบแก่ ได้ใบแก่แล้วงดน้ำให้ใบสลดจนใบแก่โคนกิ่งร่วง 1-2 ใบให้ลงมือเรียกใบอ่อนชุด 2 เมื่อใบอ่อนชุด 2 แผ่กางให้เร่งเป็นใบแก่ เมื่อใบชุด 2 เป็นใบแก่แล้วงดน้ำให้ใบสลดจนใบแก่โคนกิ่งร่วง 1-2 ใบก็ให้ลงมือเรียกใบอ่อนชุด 3 และสุดท้ายเมื่อใบอ่อนชุด 3 เพสลาดจึงเข้าสู่ขั้นตอนการบำรุงต่อไปตามปกติ
(วิธีที่ 1 ได้ผลดีกว่าวิธีที่ 2 เพราะต้นจะมีอาการโทรมน้อยกว่า......)
2.เร่งใบอ่อนเป็นใบแก่
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล.+ 0-21-74(400 กรัม)หรือ 0-39-39(400 กรัม) สูตรใดสูตรหนึ่ง + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ฉีดพ่นพอเปียกใบ 1-2 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วัน
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- ให้ 8-24-24(1/2 กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม.
- ให้น้ำปกติ ทุก 2-3 วัน
หมายเหตุ :
- ลงมือบำรุงเมื่อใบอ่อนชุดสุดท้ายเริ่มแผ่กาง
- วัตถุประสงค์เพื่อเร่งใบชุดใหม่ให้สามารถสังเคราะห์อาหารได้ และเร่งระยะเวลาเรียกใบอ่อนชุดต่อไปได้เร็วขึ้น กับทั้งเพื่อให้ใบอ่อนรอดพ้นจากทำลายของแมลงปากกัดปากดูด
- สารอาหารในกลุ่มเร่งใบอ่อนเป็นใบแก่มีฟอสฟอรัส.และโปแตสเซียม. นอกช่วยเร่งใบอ่อนเป็นใบแก่แล้วยังช่วยเสริมประสิทธิภาพขั้นตอนสะสมอาหาร เพื่อการออกดอกได้อีกด้วย
- ใบอ่อนที่ปล่อยตามธรรมชาติต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 30-45 วันจึงจะเป็นใบแก่
3.สะสมอาหารเพื่อการออกดอก
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล.+ 0-42-56(400 กรัม)+ ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.+ แคล
เซียม โบรอน 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.ทุก 5-7 วัน ติดต่อกัน 2-3 รอบแล้วให้น้ำ 100 ล.+ เอ็นเอเอ.20 ซีซี.+ ฮอร์โมนไข่ 25 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.สลับ 1 รอบ ฉีดพ่นพอเปียกใบ ติดต่อกัน 1-2 เดือน
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง + 8-24-24 หรือ 9-26-26 สูตรใดสูตรหนึ่ง (1-2 กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม./เดือน
- ให้น้ำเปล่าปกติทุก 2-3 วัน
หมายเหตุ :
- เริ่มปฏิบัติหลังจากใบอ่อนชุดสุดท้ายเพสลาด
- แนวทางบำรุงให้ต้นได้สะสมอาหารเพื่อการออกดอกไว้มากที่สุดควรเตรียมแผนใช้ เวลาบำรุง 2-2 เดือนครึ่ง ในห้วงนี้ให้กลูโคสผงหรือนมสัตว์สด 2 รอบ โดยรอบแรกให้เมื่อเริ่มลงมือบำรุงและให้รอบสองห่างจากรอบแรก 20-30 วัน
- ปริมาณ 8-24-24 หรือ 9-26-26 ใส่มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณการติดผลในรุ่นที่ผ่านมา กล่าวคือ ถ้ารุ่นที่ผ่านมาติดผลดกมาก ผลผลิตมีคุณภาพดีมาก ให้ใส่ในปริมาณที่มากขึ้น แต่ถ้ารุ่นที่ผ่านมาติดผลดกน้อยหรือไม่ติดผลเลย ให้ใส่ในปริมาณปานกลาง
- ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนการบำรุงขั้นต่อไป คือ ปรับ ซี/เอ็น เรโช. ให้ทบทวนความทรงจำเมื่อครั้งเรียกใบอ่อนแล้วใบอ่อนออกมาพร้อมกันเป็นชุด เดียวทั่วทั้งต้นหรือไม่ ถ้าใบอ่อนออกมาพร้อมกันดีทั่วทั้งต้นให้ปรับ ซี/เอ็น เรโช.ต่อไปได้เลย แต่ถ้าใบอ่อนออกมาไม่พร้อมกันเป็นชุดเดียวทั่วทั้งต้นและค่อนข้างต่างรุ่น กันมากก็ให้บำรุงสะสมอาหารเพื่อการออกดอกต่อไปอีก 2-3 รอบ เพื่อรอให้ใบอ่อนชุดหลังสะสมอาหารจนอั้นตาดอกดีเท่ากับใบอ่อนชุดแรกจากนั้น จึงลงมือปรับ ซี/เอ็น เรโช. ทั้งนี้วัตถุประสงค์เพื่อทำให้มีดอกออกมาพร้อมกันเป็นชุดเดียวกันทั่วทั้ง ต้นนั่นเอง
4.ปรับ ซี/เอ็น เรโช
ทางใบ
- ในรอบ 7 วันให้น้ำ 100 ล.+ 0-42-56(400 กรัม)+ ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ฉีดพ่นพอเปียกใบ
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก
- เปิดหน้าดินโคนต้น
- งดน้ำเด็ดขาด
หมายเหตุ :
- วัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มปริมาณ ซี. (อาหารกลุ่มสร้างดอก-บำรุงผล) และลดปริมาณ เอ็น. (อาหารกลุ่มสร้างใบ-บำรุงต้น) ซึ่งจะส่งผลให้ต้นออกดอกหลังการเปิดตาดอก
- ต้นที่มีอาการอั้นตาดอกดีจนพอใจแล้วไม่ต้องฉีดพ่นกลูโคสหรือนมสัตว์สดเพิ่ม อีกแต่ถ้าต้นมีอาการอั้นตาดอกไม่ดีหรือยังไม่น่าพอใจแนะนำให้ฉีดพ่นกลูโคส หรือนมสัตว์สดซ้ำอีก 1-2 รอบ โดยเว้นระยะให้ห่างจากที่เคยให้เมื่อช่วงสะสมอาหารไม่น้อยกว่า 30-45 วัน
- ไม้ผลที่ผ่านการบำรุงมาอย่างดีแล้วต้องกระทบหนาวจึงออกดอกดีนั้น ช่วงขั้นตอนสะสมอาหารเพื่อการออกดอก ถ้ามีการให้ “นมสัตว์สดหรือกลูโคส + 0-52-34 หรือ 0-42-56 + สังกะสี” ฉีดพ่นพอเปียกใบ ช่วงเช้าแดดจัด 1-2 รอบ ให้รอบแรกเมื่อเริ่มลงมือบำรุงสะสมอาหารเพื่อการออกดอก จากนั้น อีก 20 วัน ให้อีกเป็นรอบ 2 ก็จะช่วยให้ต้นเกิดอาการอั้นตาดอกและส่งผลให้เปิดตาดอกแล้วมีดอกออกมาดี อีกด้วย
- ก่อนลงมือปรับ ซี/เอ็น เรโช จะต้องติดตามข่าวพยากรณ์อากาศให้มั่นใจว่าระหว่างปรับ ซี/เอ็น เรโช. จะต้องไม่มีฝนตกเพราะถ้ามีฝนตกลงมามาตรการงดน้ำก็ต้องล้มเหลว
- ขั้นตอนการปรับอัตราส่วน ซี/เอ็น เรโช. จะสมบูรณ์ดีหรือไม่ให้สังเกตจากต้น ถ้าต้นเกิดอาการใบสลดแสดงว่าในต้นมีปริมาณ ซี.มากส่วนปริมาณ เอ็น.เริ่มลดลง และความพร้อมของต้นก่อนลงมือเปิดตาดอกสังเกตได้จากลักษณะใบใหญ่หนาเขียว เข้ม ใบคู่สุดท้ายปลายกิ่งแก่จัด ใบกรอบเปราะ ข้อใบสั้น หูใบอวบอ้วน ตาดอกโชว์เห็นชัด
- การให้สารอาหารทางใบซึ่งมีน้ำเป็นส่วนผสมนั้น อย่าให้โชกจนตกลงถึงพื้นเพราะจะกลายเป็นการให้น้ำทางราก แนวทางปฏิบัติ คือ ให้บางๆเพียงเปียกใบเท่านั้น
- เมื่องดน้ำ (ไม่รดน้ำ) แล้วต้องควบคุมปริมาณน้ำใต้ดินโคนต้นไม่ให้มากเกินไปโดยการทำร่องระบายน้ำ ใต้ดินหรือร่องสะเด็ดน้ำด้วย
- กรณีสวนยกร่องน้ำหล่อต้องใช้ระยะเวลาในการงดน้ำนานมากกว่าสวนพื้นราบยกร่อง แห้งจึงจะทำให้ใบสลดได้ อาจส่งผลให้แผนการผลิตที่กำหนดไว้คลาดเคลื่อน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องสูบน้ำออกตั้งแต่ก่อนปรับ ซี/เอ็น เรโช โดยกะระยะเวลาให้หน้าดินโคนต้นแห้งถึงขนาดแตกระแหงและมีความชื้นไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์ตรงกับช่วงปรับ ซี/เอ็น เรโช พอดี
6.เปิดตาดอก
ทางใบ :
สูตร 1……..ให้ น้ำ 100 ล.+ สาหร่ายทะเล 100 ซีซี.+ ฮอร์โมนไข่ 100 ซีซี.+ ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.+ เอ็นเอเอ.20 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.
สูตร 2....ให้น้ำ 100 ล.+ 13-0-46(500 กรัม)+ ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.+ เอ็นเอเอ.20 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.
เลือกใช้สูตรใดสูตรหนึ่งหรือทั้งสองสูตรแบบสลับครั้งกัน ห่างกันครั้งละ 5-7 วัน ฉีดพ่นพอเปียกใบ
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- ให้ 8-24-24(1/2 กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม.
- ให้น้ำปกติทุก 2-3 วัน
หมายเหตุ :
- เลือกใช้ให้ทางใบด้วยสูตรใดสูตรหนึ่งหรือใช้ทั้งสองสูตรแบบสลับครั้งกันก็ได้
- หลังจากเปิดตาดอกแล้ว ถ้าดอกออกมาไม่มากพอ ระหว่างที่ดอกชุดแรกยังเป็นดอกตูมอยู่นั้น ให้เปิดตาดอกซ้ำอีก 1-2 รอบด้วยสูตรเดิม หรือจนกระทั่งดอกชุดแรกบานแล้วจึงยุติการเปิดตาดอกซ้ำ
6.บำรุงดอก
ทางใบ
- ให้น้ำ 100 ล.+ 15-45-15(400 กรัม + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.+ ฮอร์
โมนไข่ 25 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ทุก 5-7 วัน ฉีดพ่นพอเปียกใบ
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 3 วัน
ทางราก
- ยังคงเปิดหน้าดินโคนต้นเช่นเดิม
- ให้ 8-24-24 (½-1 กก)./ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม.
- ให้น้ำพอหน้าดินชื้น
หมายเหตุ :
- ธรรมชาติของดอกเงาะเมื่อออกมาครั้งแรกจะเป็นดอกตัวผู้ก่อน แล้วจึงเจริญพัฒนาเป็นดอกตัวเมีย การมีแต่ดอกตัวผู้กับดอกตัวเมียล้วนๆจึงไม่อาจติดเป็นผลได้ แนวทางแก้ไข คือ เมื่อดอกในช่อบานได้ 1 ใน 4 ส่วนของช่อและ 1 ใน 4 ของดอกทั่วทั้งต้น ให้ฉีดพ่นฮอร์โมนเอ็นเอเอ.
(เดี่ยวๆ)ครอบคลุมพื้นที่ 1 ใน 4 ของพื้นที่ทั่วทรงพุ่ม
เทคนิคการฉีดพ่นฮอร์โมน เอ็นเอเอ.
วิธีที่ 1…….ให้ โดยฉีดพ่นเป็นวงยาวทางระดับรอบทรงพุ่ม ความกว้างของวงเท่ากับ 1 ใน 4 ของพื้นที่ความสูงพุ่มตั้งแต่ยอดลงมาถึงกิ่งล่างสุด
วิธีที่ 2 ……ให้โดยฉีดพ่นเป็นเส้นตรงทางดิ่งจากยอดลงมาถึงกิ่งล่างสุด จำนวน 4 เส้น เมื่อรวมพื้นที่ของทั้ง 4 เส้นแล้วเท่ากับ 1 ใน 4 ของพื้นที่ทั้งทรงพุ่ม
วิธีที่ 3 ……ให้โดยผสมฮอร์โมน เอ็นเอเอ.ในกระป๋องทรงสูงผูกติดปลายไม้ แล้วยกขึ้นสวมช่อดอกที่พร้อมแล้วทั้งช่อ หลายๆช่อกระจายทั่วพื้นที่ทรงพุ่มหรือคิดจำนวนแล้วได้ 1 ใน 4 ของจำนวนช่อดอกทั้งหมดในต้น
- ไม่ควรใช้ฮอร์โมน เอ็นเอเอ.ทำเอง เพราะเปอร์เซ็นต์หรืออัตราความเข้มข้นไม่แน่นอน แต่ให้ใช้ฮอร์โมน เอ็นเอเอ.วิทยาศาสตร์ที่มีเปอร์เซ็นต์ความเข้มข้นแน่นอน และใช้ฮอร์โมน เอ็นเอเอ.ด้วยความความระมัดระวัง เพราะถ้าใช้ในอัตราเข้มข้นเกินจะทำให้ดอกร่วงทั้งหมดหรือใช้ในอัตราเข้มข้น น้อยเกินไปก็จะไม่ได้ผล นอกจากความเข้มข้นแล้ว อุณหภูมิขณะใช้งานก็มีผลต่อประสิทธิภาพอีกด้วย
- ช่วงดอกเริ่มแทงออกมาใหม่ๆให้แคลเซียม โบรอน.1 รอบ จะช่วยให้ดอกสมบูรณ์ผสมติดดี
- ฉีดพ่นสารอาหารเพื่อบำรุงดอกด้วยเครื่องมือฉีดพ่นที่มีแรงลมพ่นเบาที่สุดตาม ความเหมาะสมเพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนต่อส่วนต่างๆของดอก ฉีดพ่นที่ช่อดอกโดยตรงพอเปียกหรือฉีดพ่นให้ทั่วทรงพุ่มพอเปียกใบก็ ได้
- บำรุงดอกช่วงฝนชุกให้เน้น “สังกะสี และ แคลเซียม โบรอน” โดยให้เมื่อดอกออกมาแล้วหรือให้แบบสะสมล่วงหน้าตั้งแต่ช่วงเปิดตาดอก ด้วยวิธีให้เดี่ยวๆหรือผสมรวมไปกับธาตุอาหารอื่นๆก็ได้
- การชักนำให้แมลงเข้ามาเป็นผู้ช่วยผสมเกสรหรือมีสายลมช่วยพัดละอองเกสรตัวผู้ (ต่างต้น) ไปผสมกับเกสรตัวเมียก็ได้
- ช่วงที่เงาะออกดอกแล้วมีใบอ่อนออกมาด้วย ถ้ามีใบอ่อนออกมาไม่มากนักให้บำรุงตามปกติต่อไป แต่ถ้ามีใบอ่อนออกมาจำนวนมาก ให้งดน้ำสักระยะหนึ่งจนใบอ่อนที่แตกใหม่ร่วงแล้วจึงกลับมาบำรุงไปตามปกติต่อ ไป
- ดอกที่ไม่สมบูรณ์ผสมกันแล้วพัฒนาจนเป็นผล จะได้ผลไม่สมบูรณ์ เรียกว่า “เงาะขี้ครอก” ลักษณะผลเล็ก แคระแกร็น เนื้อหนาไม่มีเมล็ด รสชาติไม่ดี.......สาเหตุที่ดอกไม่สมบูรณ์เกิดจากขาดสารอาหาร ฮอร์โมน สภาพอากาศ น้ำ โรคและแมลง
7.บำรุงผลเล็ก
ทางใบ
- ให้น้ำ 100 ล.+ 15-45-15(400 กรัม)+ ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.+ เอ็นเอ
เอ.25 ซีซี.+ ฮอร์โมนไข่ 25 ซีซี.+ แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250
ซีซี. ทุก 7-10 วัน ฉีดพ่นพอเปียกใบ
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพรทุก 2-3 วัน
ทางราก
- ให้ยิบซั่มธรรมชาติ 10 เปอร์เซ็นต์ของอัตราการให้เมื่อช่วงเตรียมดิน
- ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง + 25-7-7(½-1 กก.)/เดือน/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม./
เดือน
- ให้น้ำปกติ ทุก 3-5 วัน
- คลุมโคนต้นหนาๆด้วยเศษพืชแห้ง
หมายเหตุ :
- การให้น้ำต้องค่อยๆเพิ่มปริมาณเพื่อให้ต้นปรับตัวทัน จนกระทั่งถึงอัตราปกติ
- ให้ฮอร์โมนน้ำดำ กับ แคลเซียม โบรอน. 1-2 ครั้ง
- เทคนิคการให้ปุ๋ยทางใบด้วยสูตร 15-45-15 ซึ่งเป็นสูตรเดียวกับบำรุงดอกนั้น วัตถุประ
สงค์เพื่อให้ P. สร้างเมล็ดก่อนในช่วงแรก ซึ่งเมล็ดนี้จะเป็นผู้สร้างเนื้อต่อไปเมื่อผลโตขึ้น 1-2
รอบ โดยแบ่งช่วงเวลาห่างเท่าๆกัน จะช่วยเสริมสร้างความสมบูรณ์ต้นให้ดี ขึ้น ซึ่งจะส่งผลไปถึงช่วงผลขนาดกลางถึงก่อนเก็บเกี่ยว
- ระยะผลเล็ก ถ้าถูกแมลงปากกัด/ปากดูด (เพลี้ย ไร) เข้าทำลายจะทำให้รูปทรงผลและคุณภาพภายในผลเสียไปจนกระทั่งเป็นผลใหญ่
8.บำรุงผลกลาง
ทางใบ
- ให้น้ำ 100 ล.+ 21-7-14(400 กรัม)+ ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.+ ไคโตซาน 100 ซีซี. + แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ทุก 7-10 วัน ฉีดพ่นพอเปียกใบ
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก
- ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง + 21-7-14(½-1 กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม.
- ให้น้ำเปล่าปกติ ทุก 3-5 วัน
หมายเหตุ :
- เริ่มให้เมื่อเมล็ดเริ่มเข้าไคล การที่จะรู้ว่าผลเริ่มเข้าไคลแล้วหรือยังต้องใช้วิธีสุ่มเก็บผลมาผ่าดูเมล็ด ภายใน
- ให้ฮอร์โมนน้ำดำ กับ แคลเซียม โบรอน 1-2 รอบ โดยแบ่งช่วงเวลาห่างเท่าๆกัน จะช่วยเสริมสร้างความสมบูรณ์ต้นให้ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลไปถึงช่วงก่อนเก็บเกี่ยว
- ช่วง “ผลกลาง-ผลแก่ใกล้เก็บเกี่ยว” ถ้าต้นขาดน้ำระยะเวลานานๆแล้วได้รับน้ำจำนวนมากอย่างฉับพลันกะทันหัน (ฝนตก) จะเกิดอาการผลแตก
9.บำรุงผลแก่ก่อนเก็บเกี่ยว
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล.+ 0-21-74(400 ซีซี.) หรือ 0-0-50(400 ซีซี.) สูตรใดสูตรหนึ่ง + แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.หรือ น้ำ 100 ล.+ มูลค้างคาวสกัด 100 ซีซี.+ ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. 1-2 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วันก่อนเก็บเกี่ยว ฉีดพ่นพอเปียกใบ ระวังอย่าให้ลงถึงพื้น
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก
- เปิดหน้าดินโคนต้น
- ให้ 13-13-21 หรือ 8-24-24 สูตรใดสูตรหนึ่ง(1/2-1 กก./ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม.
- ให้น้ำเพื่อละลายปุ๋ยแล้วงดน้ำจนเก็บเกี่ยว
หมายเหตุ :
- การให้ 0-21-74 หรือ 0-0-50 ทางใบควบคู่กับให้ 13-13-21 ทางรากจะทำให้เงาะมีรสหวานจัดขึ้นไปอีกจนเรียกได้ว่า “หวานทะลุองศา บริกซ์”
- การให้ “มูลค้างคาวสกัด” ในอัตราเข้มข้นเกินไปอาจทำให้ผลแตกได้ ดัง นั้น ช่วงบำรุงผลขนาดกลางจะต้องสร้างเปลือกให้หนาไว้ก่อนด้วยปุ๋ยทางรากสูตร 21-7-14 ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาปุ๋ยแรงจนผลแตกได้
- หากต้องการให้เงาะมีรสหวานพอดีๆหรือแน่ใจว่าบำรุงเร่งหวานทางรากดีแล้วก็ ไม่จำเป็นต้องเร่งหวานด้วยปุ๋ยทางใบก็ได้ ทั้งนี้ให้พิจารณาตามความเหมาะสม
- การบำรุงผลแก่ใกล้เก็บเกี่ยวโดยให้ทางรากด้วย 8-24-24 เหมาะสำหรับต้นที่มีผลหลายรุ่นซึ่งหลังจากเก็บเกี่ยวผลแก่รุ่นแรกไปแล้วจะ ช่วยบำรุงผลชุดหลังต่อ นอกจากนี้ยังทำให้ต้นไม่โทรมเหมาะสำหรับการเตรียมความพร้อมต้นต่อการปฏิบัติ บำรุงรุ่นปีต่อไปอีกด้วย
การบังคับเงาะให้ออกนอกฤดู
ในเมื่อไม่มีเงาะทะวาย พันธุ์เบา พันธุ์หนัก และยังไม่มีสารหรือฮอร์โมนใดๆบังคับให้เงาะออกดอกติดผลในช่วงที่ต้องการหรือ เป็นเงาะนอกฤดูได้ แต่ธรรมชาติทางพัฒนาการของเงาะก็ไม่ต่างอะไรกับไม้ผลอื่นๆ นั่นคือ การที่จะทำให้เงาะออกดอกติดผล ก่อนหรือหลัง ฤดูกาลปกติยังมีโอกาสด้วยการปรับระยะเวลาปฏิบัติบำรุงแต่ละขั้นตอนเร็วขึ้น เพื่อเร่งให้เป็นเงาะก่อนฤดูกาล หรือยืดระยะเวลาในการปฏิบัติบำรุงแต่ละขั้นตอนออกไปเพื่อให้เงาะออกหลังฤดู ปกติเท่านั้น กล่าวคือ..
ทำเงาะล่าฤดู :
1.หลังเก็บเกี่ยวผลผลิตรุ่นปีนี้แล้วชะลอเวลาฟื้นฟูสภาพต้นออกไป 1-2 เดือน จากนั้นจึงเริ่มลงมือบำรุงขั้นตอนที่ 1 (ตัดแต่งกิ่งและเรียกใบอ่อน) ตามปกติ
2.เรียกใบอ่อน 2 ชุด เมื่อใบอ่อนแต่ละชุดออกมาแล้วไม่ต้องเร่งใบอ่อนให้เป็นใบแก่แต่ปล่อยให้แก่เองตามธรรมชาติ
3.เพิ่มช่วงเวลาบำรุงสะสมอาหารเพื่อการออกดอกจากเดิมที่เคยใช้เวลา 2 เดือนเป็น 3 เดือนหรือ 3 เดือนครึ่ง
4.การลงมือ เปิดตาดอก-บำรุงดอก-บำรุงผลเล็ก ต้องทำตามปกติ ซึ่งไม่สามารถยืดเวลาออกไปให้ช้าหรือเร่งเวลาให้เร็วขึ้นได้
5.ช่วงบำรุงผลกลางสามารถยืดเวลาออกไปได้ 15-20 วันโดยบำรุงด้วยสูตร ยืดอายุผลให้แก่ช้า เช่นเดียวกันกับส้มเขียวหวานหรือมะนาว ซึ่งขั้นตอนนี้สามารถกำหนดระยะเวลาเก็บเกี่ยวได้
6.บำรุงผลแก่ก่อนเก็บเกี่ยวตามปกติ
หมายเหตุ :
การใช้ฮอร์โมน เอ็นเอเอ.(เดี่ยวๆ)ในอัตราเข้มข้นกว่าปกติ 25-50 เปอร์เซ็นต์ จะมีผลทำให้ดอกตูมร่วงหลัง จากนั้น 1-2 เดือนต้นจะแทงช่อดอกชุดใหม่เอง ซึ่งดอกชุดใหม่นี้จะพัฒนาเป็นผลล่าฤดูได้ อัตราการใช้ฮอร์โมน เอ็นเอเอ. เพื่อทำให้ดอกร่วงแล้วออกมาใหม่จะได้ผลก็ต่อเมื่อต้นผ่านการบำรุงมาจน สมบูรณ์เต็มที่อย่างแท้จริง และสภาพอากาศเอื้ออำนวยเท่านั้น
(อัตราใช้ฮอร์โมน เอ็นเอเอ. ช่วงสภาพอากาศร้อนจัดให้ลดอัตราใช้ลง 10-20 เปอร์
เซ็นต์ และช่วงอากาศหนาวเย็นให้เพิ่มอัตราใช้ขึ้น 10-20 เปอร์เซ็นต์ ของอัตราใช้เมื่อสภาพอากาศปกติเสมอ)
ทำเงาะก่อนฤดู :
1.ไว้ผลรุ่นปีการผลิตนี้น้อยๆ พร้อมกับบำรุงเต็มที่ เพื่อไม่ให้ต้นโทรม
2.บำรุงผลแก่ใกล้เก็บเกี่ยวรุ่นปีการผลิตนี้ให้เร็วขึ้น โดยให้ทางใบด้วย 0-21-74 และให้ทางรากด้วย 8-24-24
3.เก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วตัดแต่งกิ่ง ฟื้นฟูสภาพต้นเรียกความสมบูรณ์กลับคืนมาเรียกและใบอ่อนทันที
4.เรียกใบอ่อน 1 ชุด ใบอ่อนแผ่กางแล้วข้ามขั้นตอนเร่งใบอ่อนเป็นใบแก่. สะสมอาหารเพื่อการออกดอก. ปรับ ซี/เอ็น เรโช. ไปสู่ขั้นตอนเปิดตาดอกเลย
5.บำรุงขั้นตอน บำรุงดอกตูม-บำรุงผลเล็ก ปฏิบัติตามปกติ
6.บำรุงขั้นตอน ผลกลาง-ผลแก่ใกล้เก็บเกี่ยว ด้วยสูตร เร่งผลให้แก่เร็ว ตามปกติ
หมายเหตุ :
การบังคับเงาะให้ออก “ก่อน” หรือ “หลัง” ฤดูกาลจะประสบความสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อต้นมีความสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์อย่าง แท้จริงโดยผ่านการบำรุงแบบให้มีสารอาหารกินตลอด 24 ชม. ต่อเนื่องมาไม่น้อยกว่า 2-3 ปี
การบริหารปัจจัยพื้นฐานด้านการเกษตร (ดิน-น้ำ-แสงแดด/อุณหภูมิ/ฤดูกาล-สารอาหารสายพันธุ์-โรค)จะต้องเหมาะสมตรง ตามความต้องการทางธรรมชาติหรือนิสัยของเงาะอย่างแท้จริง นานติดต่อหรือต่อเนื่องมาหลายๆปี
- หลังจากใบอ่อนเริ่มแผ่กางแล้วลงมือเปิดตาดอกเลยนั้น จะต้องฉีดพ่นทางใบด้วยสูตร “เปิดตาดอก” หลายครั้งอย่างต่อเนื่องซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาถึง 2 เดือนก็ได้