แตงไทย
ลักษณะทางธรรมชาติ
( เหมือนแตงโม...........)
เตรียมเมล็ดพันธุ์
1.ทดสอบความสมบูรณ์เมล็ดโดยการแช่น้ำ คัดเมล็ดลอยออกทิ้ง นำเมล็ดจมขึ้นมาขลิบปลายด้านแหลมด้วยกรรไกตัดเล็บพอให้เปลือกนอกเปิดสำหรับให้ยอดอ่อนแทงออกมาได้สะดวก จากนั้นนำลงแช่ต่อในไคตินไคโตซานหรือธาตุรอง/ธาตุเสริม (อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่างรวมกัน) เจือจาง นาน 6-12 ชม. สารไคตินไคโตซานหรือธาตุรอง/ธาตุเสริมจะซึมเข้าสู่ภายในเมล็ดทางช่องเปลือกที่ได้ขลิบเปิดไว้ทำให้เมล็ดได้สะสมสารอาหารไว้ในตัวเองตั้งแต่ก่อนงอกซึ่งจะส่งผลให้ต้นเมื่อโตขึ้นสมบูรณ์แข็งแรงดี สารไคติเนส.ในไคตินไคโตซาน.มีคุณสมบัติกำจัดเชื้อโรคที่ปนเปื้อนมากับเมล็ดพันธุ์ได้ไม่ต่างจากสารเคมี การแช่เมล็ดในสารเคมีเพื่อกำจัดเชื้อโรคเท่ากับทำให้เมล็ดสะสมสารพิษซึ่งไม่ใช่สารอาหารไว้ในตัวเองตั้งแต่ก่อนเกิดนั่นเอง
2.นำเมล็ดที่ผ่านการแช่ในไคตินไคโตซานหรือธาตุรองธาตุเสริมครบกำหนดแล้ว ห่อด้วยผ้าชื้นต่ออีก 12-24 ชม. เมื่อเห็นว่าเริ่มมีรากงอกออกมาก็ให้นำไปปลูกต่อได้
เตรียมแปลง
ปลูกลงแปลง :
1.ไถดินเปล่าให้ขี้ไถขนาดใหญ่ ทิ้งตากแดดจัด 15-20 แดดเพื่อฆ่าเชื้อโรคและกำจัดเหง้าวัชพืช
2.ใส่อินทรีย์วัตถุ ปุ๋ยคอก (มูลวัวเนื้อ/นม + มูลไก่ไข่/เนื้อ) หมักข้ามปี. ยิบซั่มธรรมชาติ. กระดูกป่น. เศษพืชบดป่น หว่านทั่วแปลงปลูกแล้วไถพรวนอินทรียวัตถุคลุกเคล้าลงดินให้ทั่วถึง
3.ไถยกร่องลูกฟูก สันร่องกว้าง 5-6 ม. โค้งหลังเต่า สูงจากพื้นระดับ 30-50 ซม. ร่องทางเดินระหว่างสันแปลงกว้าง 1 ม. ลึก 20-30 ซม.จากพื้นระดับ
4.คลุมหน้าแปลงด้วยฟางแห้งหนาๆ
5.บ่มดินโดยรดด้วย น้ำ + จุลินทรีย์หน่อกล้วยหรือปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง ทุก 5-7 วัน ติดต่อกันนาน 1 เดือน เพื่อให้เวลาแก่จุลินทรีย์ปรับสภาพดิน กำจัดเชื้อโรคและย่อยสลายอินทรีย์วัตถุให้เป็นฮิวมิค แอซิด
6.ลงมือปลูกต้นกล้าที่เพาะล่วงหน้าหรือหยอดเมล็ด
ปลูกในถุง :
ปลูกในถุงหรือภาชนะปลูก ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 18-24 นิ้ว สูง 30-50 ซม.เจาะรูด้านล่างและด้านข้างเพื่อระบายน้ำ จัดวางถุง ณ ตำแหน่งที่ต้องการปลูกให้แน่นอนมั่นคง หลังจากลงมือปลูกแล้วไม่ควรย้ายตำแหน่งวางถุงอีกเด็ดขาดเพราะอาจจะกระทบกระเทือนรากหรือเถา (ต้น)ได้การปลูกในช่วงฤดูฝนหรือแปลงปลูกที่น้ำท่วมแนะนำให้ทำยกร้านแล้ววางถุงปลูกบนยกร้านนั้น
หมายเหตุ :
เกษตรกรอิสราเอล ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลี กับอีกหลายประเทศที่มีเทคโนโลยีการเกษตรสูงและมีความเข้าใจเรื่องพืชอย่างแท้จริง ปลูกไม้ผลตระกูลเถาอายุสั้นฤดูกาลเดียว เช่น แคนตาลูป แตงโม แตงกวา ฯลฯ ในถุง (ภาชนะปลูก) ด้วยวัสดุปลูก (ดิน) ที่สามารถควบคุมชนิด/ปริมาณสารอาหาร/น้ำได้ และปลูกในโรงเรือนที่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้ (อิสราเอลร้อน-แล้ง.......ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลี-หนาว)
เกษตรกรไทยไม่มีปัญหาร้อน-หนาว-แล้งจึงเหลือเพียงปัญหา “ดินหรือวัสดุปลูกและสารอาหาร” เท่านั้น
การนำแนวทางบางอย่างของเกษตรกรในกลุ่มประเทศดังกล่าวมาประยุกต์ใช้บ้าง จึงน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
แนวทางเลือกแบบไทย-ไทย ต่อการปลูกไม้ผลตระกูลเถาอายุสั้นฤดูกาลเดียว คือ...
- เตรียมดินปลูกหรือวัสดุปลูกปริมาณ 1 ตัน ด้วย.......เศษพืช (แกลบเก่าหรือรำหยาบ. ขุยมะพร้าว. ทะลายปาล์ม. เปลือกถั่วลิสง. ต้นถั่วหรือซังข้าวโพด. ฟาง. ฯลฯ) หลายๆ อย่างๆ ละเท่าๆกัน เพื่อความหลากหลาย บดป่นตากแห้ง 500 กก......ปุ๋ยคอก (มูลวัวเนื้อ/นม 100 กก. มูลไก่ไข่/เนื้อ/นกกระทา 30 กก. มูลค้างคาว 5 กก.) แห้งเก่าค้างปีหมักชีวภาพ......ยิบซั่มธรรมชาติ 50 กก.....กระดูกป่น 10 กก......ฮิวมิค แอซิด 100 กรัม......ดินดำร่วนหน้าดินตากแห้ง 300 กก.
- เตรียมน้ำสารอาหาร จุลินทรีย์และฮอร์โมน 100 ล.ด้วย.....น้ำ 100 ล.+ จุลินทรีย์หน่อกล้วย 5 ล.+ ฮอร์โมนไข่ 2 ล.+ เลือดสัตว์สด 1 ล.+ นมสัตว์สดหรือกลูโคส 1 ล.+ ธาตุรอง/ธาตุเสริม 1 ล.+ ยูเรีย 10 กก.
- ผสมคลุกวัสดุปลูกทุกอย่างให้เข้ากันดีพร้อมกับพรมด้วยน้ำสารอาหารฯ ให้ได้ความชื้น 50-75 เปอร์เซ็นต์ เสร็จแล้วทำกอง หมักทิ้งไว้ 3-6 เดือน ระหว่างหมักช่วงนี้ถ้าอุณหภูมิในกองจะสูงถึงขนาดมีควันลอยขึ้นมา (ถือว่าดี) ให้กลับกองบ่อยๆ แต่ถ้าอุณหภูมิไม่สูงหรือไม่มีควัน (ถือว่าไม่ดี) ให้เติมยูเรียและจุลินทรีย์แล้วหมักต่อไปตามปกติ
- อุณหภูมิในกองเย็นลงหรือหมดควันแล้วให้กลับกองทุก 7-10 วันเพื่อถ่ายเทอากาศ หมักครบกำหนดแล้วได้ “วัสดุหรือดินหมักชีวภาพ” พร้อมใช้งาน
- บรรจุวัสดุปลูกหรือดินปลูกที่ผ่านการหมักดีลงถุงหรือภาชนะปลูกแล้วลงมือปลูกพืช (แคนตาลูป แตงโม แตงกวา ฯลฯ) ที่ต้องการต่อไป
ระยะปลูก
ปลูกบนแปลง :
ระยะปลูก 1.5 X 1.5 ม. หรือ 1.5 X 2 ม. หรือ 2 X 2 ม. แถวคู่เสมอกันหรือแถวคู่สลับฟันปลาคิดเป็น 1แถว แปลงปลูก 1 แปลงปลูกได้ 2 แถว
ปลูกในถุง :
1.เตรียมภาชนะปลูก จัดวาง ณ ตำแหน่งที่ต้องการปลูกให้แน่นอนโดยจะไม่มีการเคลื่อนย้ายอีกจนถึงเก็บเกี่ยวผลผลิต
2.บรรจุวัสดุปลูกหมักได้ที่แล้วลงถุงให้เต็ม อัดแน่นพอประมาณ คลุมปากถุงด้วยหญ้าหรือฟางแห้งหนาๆ
การปฏิบัติอื่นๆเหมือนการปลูกแคนตาลูปในถุงทั้งแบบให้เลื้อยไปบนพื้นหรือเลื้อยขึ้นค้าง
ระบบให้น้ำ :
1.ติดตั้งระบบน้ำหยดสำหรับให้น้ำและสารอาหารทางราก
2.ติดตั้งระบบสปริงเกอร์พ่นฝอยเหนือต้นสำหรับให้สารอาหารและสารสกัดสมุนไพรทางใบ
หมายเหตุ :
- กรณีปลูกในแปลงแล้วไม่มีระบบน้ำหยด เมื่อต้องการให้น้ำหรือสารอาหารทางรากสามารถทำได้โดยการปล่อยน้ำไปตามร่องระหว่างแปลงปลูก แล้วเพิ่มเติมด้วยน้ำพ่นฝอยจากสปริงเกอร์เหนือต้นฉีดพ่นน้ำลงพื้นเพื่อสร้างความชื้นหน้าดิน
- กรณีปลูกในถุงไม่มีทางเลือกจำเป็นต้องอาศัยสปริงเกอร์เท่านั้น แม้แต่สปริงเกอร์แบบพ่นฝอยเหนือต้นก็ไม่เหมาะสมเพราะน้ำที่ผ่านปากถุงลงไปถึงดินปลูกไม่เพียงพอ ต้องใช้สปริงเกอร์พ่นฝอยเหนือต้น 1 หัวแล้วติดหัวสปริงเกอร์ที่ปากถุงอีกถุงละ 1 หัวเท่านั้น
ขั้นตอนการปฏิบัติบำรุงต่อแตงไทย
1.บำรุงระยะต้นเล็ก
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล.+ ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.+ จิ๊บเบอเรลลิน 10 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ฉีดพ่นพอเปียกใบ ทุก 5-7 วัน
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- ให้น้ำ 100 ล.+ น้ำหมักชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง 200 ซีซี.25-7-7(400 กรัม)/ไร่ ฉีดพ่นลงดินให้ทั่วแปลง ทุก 7-10 วัน
- ให้น้ำปกติ วันละ 1-2 วัน/ครั้ง
หมายเหตุ :
- เมื่อต้นเริ่มงอกขึ้นมาจากเมล็ดได้ 2-3 ใบควรมีหญ้าแห้งหรือฟางคลุมโคนต้นป้องกันแดดเผาหน้าดินและรักษาความชื้นหน้าดินให้คงที่อยู่เสมอ
- เริ่มให้สารอาหารทางใบเมื่อได้ใบ 2-3 ใบแล้ว
- เมื่อต้นเจริญเติบโตได้ 4-5 ใบ ให้จัดระเบียบเลื้อยเข้าหากลางแปลงโดยไม่ทับซ้อนบังแสงแดดซึ่งกันและกัน
2.บำรุงระยะออกดอก
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล.+ 15-45-15 (200 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 กรัม + ฮอร์โมนไข่ 100 ซีซี.+ เอ็นเอเอ.100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.1 รอบ ฉีดพ่นพอเปียกใบ ช่วงเช้าแดดจัด
- ฉีดพ่นสารสัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- ให้ 8-24-24 (100 กรัม)/ต้น หรือ 1-2 กก./ไร่ ละลายน้ำรดโคนต้น หรือผ่านไปกับระบบน้ำหยด
- ให้น้ำปกติ วันละ 1-2 ครั้ง/วัน หรือให้น้ำหยด 2 ช่วงๆละ 1-2 ชม./วัน
หมายเหตุ :
- นิสัยของแตงไทยออกดอกเองเมื่อได้อายุ โดยต้นสมบูรณ์กว่าจะออกดอกดีกว่าต้นสมบูรณ์น้อยกว่าเท่านั้น การให้เสริมด้วยฮอร์โมนเพียงครั้งเดียวจะช่วยให้ออกดอกดีและสมบูรณ์กว่าไม่ได้ให้เลย
3.บำรุง “ผลเล็ก – ผลแก่” เก็บเกี่ยว
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล.+ 21-7-14(200 กรัม)+ ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 กรัม + ไคโตซาน 100 ซีซี.+ แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ทุก 5-7 วัน โดยการฉีดพ่นพอเปียกใบช่วงเช้าแดดจัด
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- ให้น้ำ 100 ล.+ หมักชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง 200 ซีซี.+ 8-24-24(100 กรัม)/ต้น/20 วัน หรือ 1-2 กก./ไร่/20 วัน ด้วยการละลายน้ำรดโคนต้น
- ให้น้ำปกติ วันละ 1-2 ครั้ง/วัน หรือให้น้ำหยด 2 ช่วงๆละ 1-2 ชม./วัน
หมายเหตุ :
- หลังจากติดเป็นผลแล้วให้จัดระเบียบเถาและใบอย่าให้ใบบังแสงแดดต่อผลกับทั้งให้มีวัสดุ (ฟาง หญ้าแห้ง) หนาๆรองรับผลเพื่อไม่ให้ผิวผลสัมผัสผิวดิน ถ้าผิวผลสัมผัสพื้นดินอาจจะมีเชื้อโรคเข้าทำลายผิวผลได้
- ระยะผลตั้งแต่เริ่มมีเมล็ดจนถึงแก่เก็บเกี่ยวควรให้ฮอร์โมนน้ำดำ. ฮอร์โมน เอ็นเอเอ.และฮอร์โมนไข่.1 ครั้งเพื่อบำรุงต้นให้สมบูรณ์และเขียวสดตลอดเวลา
- ก่อนเก็บเกี่ยวถ้าให้ทางใบด้วย 0-0-50 หรือ 0-21-74 หรือมูลค้างคาวสกัด (อย่างใดอย่างหนึ่ง) เพียง 1 รอบแล้วงดน้ำ 2-3 วันจะช่วยให้ได้ความหวานสูงขึ้น
- ก่อนเก็บเกี่ยว 10-15 วัน สำรวจผลถ้าด้านใดไม่ได้รับแสงแดด (สีเปลือกขาวเหลือง) ให้พลิกผลด้านนั้นขึ้นให้ได้รับแสงแดด เพื่อให้สีเปลือกเป็นสีเดียวกันทั่วทั้งผล.....ด้านที่สีเปลือกขาวเหลืองเนื้อในจะมีคุณภาพไม่ดี