น้อยหน่า
ลักษณะทางธรรมชาติ
* เป็นพืชเมืองร้อน ปลูกได้ทุกภาค ทุกพื้นที่ และทุกฤดูกาล เจริญเติบโตดีในพื้นที่ค่อนข้างแห้งแล้งหรือพื้นที่ลาดเชิงเขา ชอบดินร่วนปนทรายหรือดินลูกรัง มีอินทรีย์วัตถุมากๆ ระบายน้ำได้ดี ไม่ทนต่อน้ำขังค้าง ปลูกและเจริญเติบโตได้ดีในทุกภูมิภาค
* กิ่งตอนหรือกิ่งทาบเริ่มให้ผลผลิตเมื่ออายุ 2-3 ปี
* ช่วงพักต้นและช่วงพัฒนาดอก-ผลต้องการน้ำพอหน้าดินชื้น แต่ช่วงปรับ ซี/เอ็น เรโช.ต้องการความแห้งแล้ง
* ต้องการแสงแดด 100 เปอร์เซ็นต์ สังเกตต้นที่ปลูกอยู่ริมศาลพระภูมิได้รับแสงจากหลอดไฟศาลพระภูมิทุกคืน ตลอดคืน และเป็นระยะเวลายาวนาน เมื่อตัดกิ่งแก่กิ่งใดกิ่งแก่กิ่งนั้นจะแตกยอดใหม่จากข้อใต้รอยตัดแล้วออกดอกติดผลเองโดยไม่ต้องบำรุงเป็นกรณีพิเศษแต่อย่างใด แสดงว่าแสงไฟทำให้น้อยหน่าออกดอกติดผลได้เหมือนแก้วมังกร
* ออกดอกพร้อมกับยอดที่เกิดใหม่หลังการตัดแต่งกิ่งเหมือนฝรั่ง
* ต้นสมบูรณ์เต็มที่เพราะได้รับการบำรุงแบบให้มีสารอาหารกินตลอด 24 ชม. ต่อเนื่องหลายๆปีติดต่อกัน เมื่อดอกชุดแรกออกจากช่วงปลายของกิ่งแก่แล้ว ดอกชุด 2 และชุด 3 ยังสามารถออกจากโคนของกิ่งแก่เดียวกันนั้นได้อีกด้วย
* ออกดอกติดผลได้ทั้งกิ่งชายพุ่มและกิ่งภายในทรงพุ่มที่แสงแดดส่องถึง
* ดอกสมบูรณ์เพศ ผสมกันเองภายในดอกเดียวกัน หรือต่างดอกต่างต้นได้
* เกสรตัวผู้หรือเกสรตัวเมียอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่างไม่สมบูรณ์เกิดจากขาดสารอาหาร/ฮอร์โมน หรือสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม (อากาศร้อนหรือฝนตกชุก) ผสมกันแล้วพัฒนาเป็นผลจะเป็นผลไม่สมบูรณ์ ไม่โต รูปทรงบิดเบี้ยว
* แม้ไม่ตัดแต่งกิ่งก็ออกดอกติดผลได้แต่ดอกที่ออกมาจะไม่พร้อมกันเป็นชุดใหญ่ ไม่ดก และคุณภาพผลก็ไม่ดีเท่ากับดอกผลที่เกิดจากกิ่งที่ได้รับการตัดแต่ง
* ระยะ ดอก – ผลเล็ก – ผลกลาง – ผลแก่ ถ้าต้นได้รับน้ำและสารอาหารสม่ำเสมอจะช่วยให้ผลสมบูรณ์ โตเร็ว ขนาดผลใหญ่ แม้ผลไม่แก่จัดแล้วเก็บไปบ่มให้สุก กลิ่นและรสชาติก็ยังดีเหมือนผลแก่จัด ในทางตรงกันข้าม ถ้าต้นขาดน้ำและสารอาหารหรือได้รับน้ำมากเกินไปจะทำให้ผลเล็กแคระแกร็น ผลที่แก่ไม่จัดเก็บไปบ่มจนสุกแล้วกลิ่นและรสชาติจะไม่ดีด้วย
สายพันธุ์
1.น้อยหน่าพื้นเมือง
ฝ้ายหรือฝ้ายเขียว :
ขนาดผลใหญ่ที่สุดในบรรดาพันธุ์พื้นเมืองทั้งหมด สีผิวเปลือกเขียวอ่อนหรือเขียวนวล ร่องตาตื้น เนื้อเป็นทราย สีขาว กลิ่นหอมรสหวานจัด เปลือกกับเนื้อไม่ล่อน
ครั่งหรือฝ้ายครั่ง :
ขนาดผลเล็กกว่าฝ้ายเขียว สีผิวเปลือกม่วงเข้ม เนื้อสีขาวอมชมพู เนื้อเละยุ่ย กลิ่นหอมรสหวานจัด เปลือกกับเนื้อไม่ล่อน
2.น้อยหน่าหนัง
หนังเขียว :
เป็นสายพันธุ์ที่นำเข้ามาจากเวียดนาม เมื่อเทียบกับพันธุ์พื้นเมืองขนาดผลใหญ่กว่า สีผิวเปลือกเขียวนวลเหมือนกัน ตานูนน้อยกว่า ร่องตาตื้นกว่าแต่กว้างกว่า เนื้อขาวละเอียดมากกว่า กลิ่นหอมน้อยกว่า รสหวานกว่า จำนวนเมล็ดน้อยน้อยกว่า เนื้อล่อนจากเปลือก
หนังทอง :
กลายพันธุ์มาจากหนังเขียว ผิวเปลือกสีเขียวจางจนเกือบขาว เนื้อละเอียด เนื้อมาก กลิ่นหอม รสหวานไม่จัด จำนวนเมล็ดน้อย เปลือกล่อนไม่ติดเนื้อ
หนังครั่ง :
กลายพันธุ์มาจากหนังเขียว ผิวเปลือกสีม่วงเข้ม ตานูน ร่องสีชมพู เนื้อขาวอมชมพู เนื้อไม่เละ กลิ่นหอม รสหวานไม่จัด จำนวนเมล็ดน้อย เปลือกล่อนไม่ติดเนื้อ
3.พันธุ์ลูกผสม
เป็นพันธุ์ที่ผสมขึ้นมาใหม่ระหว่างพันธุ์พื้นเมืองกับพันธุ์ต่างประเทศที่คุณสมบัติดี พันธุ์ลูกผสมใหม่ที่ได้รับความนิยม ได้แก่ อาติมัวร์ย่า. เพชรปากช่อง (นิยมมากที่สุด). เนื้อทอง. ฯลฯ
หมายเหตุ :
พันธุ์ลูกผสมใหม่ในกลุ่มเดียวกันกับเพชรปากช่องมีทั้งสิ้นมากกว่า 20 สายพันธุ์ที่ยังไม่ได้ตั้งชื่อพันธุ์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอให้สายพันธุ์นิ่ง ในเบื้องต้นทราบผลว่าบางสายพันธุ์มีคุณสมบัติเหนือกว่าเพชรปากช่องและเนื้อทอง
การขยายพันธุ์
ทาบกิ่งเสียบยอดติดตาบนตอพื้นเมือง. ตอน. เพาะเมล็ด (กลายพันธุ์). เพาะเมล็ดเสริมรากเสียบยอด (ดีที่สุด).
เตรียมดินและอินทรีย์วัตถุ
- ใส่ปุ๋ยคอก (มูลวัวเนื้อ/นม + มูลไก่ไข่/เนื้อ/นกกระทา (แห้งเก่าข้ามปี) ปีละ 2 ครั้ง
- ให้ยิบซั่มธรรมชาติ ปีละ 2 ครั้ง
- ให้กระดูกป่น ปีละ 1 ครั้ง
- คลุมโคนต้นด้วยเศษพืชแห้งหนาๆเต็มพื้นที่บริเวณทรงพุ่ม ล้ำออกไปถึงนอกเขตทรงพุ่ม
- ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบืดเถิดเทิงหรือจุลินทรีย์ 1-2 เดือน/ครั้ง
หมายเหตุ :
- การฝังซากสัตว์ เช่น หอยเชอรี่ ปลาสด เป็นชิ้นเท่าลูกมะนาวหรือบดละเอียด ที่ชายเขตทรงพุ่ม 4-5 หลุม/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม. ฝังปีเว้นปี เพื่อให้ต้นมีสารอาหารกินตลอด 24 ชม. ต่อเนื่องหลายๆปีจะทำให้ต้นมีความสมบูรณ์สูงพร้อมต่อการบำรุงทุกขั้นตอน
- ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพ (ทางใบ-ทางราก) บ่อยเกินไปจะทำให้ต้นหยุดการเจริญเติบโต ไม่แตกใบอ่อน ผลหยุดขยายขนาดแล้วกลายเป็นผลแก่ การให้ทางใบอาจเป็นแหล่งอาศัยและแพร่ระบาดของเชื้อราได้
- ให้กลูโคสเฉพาะช่วงสำคัญ เช่น เร่งใบอ่อนเป็นใบแก่ สะสมอาหาร บำรุงผลกลาง ช่วงละ 1-2 ครั้ง ห่างกันครั้งละ 20-30 วัน.....ถ้าให้บ่อยเกินไปจะทำให้ต้นเกิดอาการนิ่ง ไม่ตอบสนองต่อสารอาหารหรือฮอร์โมนใดๆทั้งสิ้น
- ฮอร์โมนธรรมชาติและฮอร์โมนวิทยาศาสตร์จะให้ประสิทธิภาพเต็มร้อยก็ต่อเมื่อ ต้นมีสภาพความสมบูรณ์สูง
เตรียมต้น
ตัดแต่งกิ่งเพื่อเรียกใบอ่อน :
หลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตหมดต้นแล้วให้ตัดแต่งกิ่งกระโดง กิ่งคด กิ่งงอ กิ่งไขว้ กิ่งชี้ลง กิ่งชี้เข้าในทรงพุ่ม กิ่งหางหนู กิ่งแห้ง กิ่งเป็นโรค โดยตัดชิดลำต้นหรือชิดกิ่งประธานเพื่อทำให้ทรงพุ่มโปร่ง ขั้นตอนนี้ยังไม่ตัดปลายกิ่งและยังไม่ริดใบทิ้ง คงปล่อยให้อยู่กับต้นอย่างเดิม จากนั้นเริ่มบำรุงด้วยสูตร เรียกใบอ่อน ทั้งทางใบและทางราก
ตัดแต่งกิ่งเพื่อเปิดตาดอก :
บำรุงใบอ่อนที่ได้หลังจากตัดแต่งกิ่งครั้งแรกตามขั้นตอน จนถึงขั้นตอนสะสมอาหารเพื่อการออกดอกไว้ก่อน เมื่อเห็นว่าต้นแสดงอาการอั้นตาดอกเต็มที่แล้วจึงลงมือตัดแต่งกิ่ง โดยตัดแต่งกิ่งกระโดง กิ่งคด กิ่งงอ กิ่งไขว้ กิ่งชี้ลง กิ่งชี้เข้าในทรงพุ่ม กิ่งหางหนู กิ่งเป็นโรค อีกครั้ง และตัดปลายกิ่งพร้อมกับริดใบทิ้งทั้งหมดจนโกร๋นเหลือแต่ต้น แล้วงดน้ำเด็ดขาดเพื่อให้ต้นเกิดความเครียด จากนั้นจึงลงมือเปิดตาดอก ต้นที่ถูกงดน้ำมาระยะหนึ่งแล้วก็จะแตกยอดใหม่พร้อมกับมีดอกออกตามมาด้วย
ต้นสมบูรณ์จริงๆจะมีดอกออกมาพร้อมกับยอดแตกใหม่ทั่วทั้งกิ่ง แม้แต่โคนกิ่งแก่ก็ออกดอกแล้วพัฒนาเป็นผลคุณภาพดีได้ ทั้งๆที่ไม่มีการแตกยอดนำออกมาก่อน
ตัดแต่งกิ่งเพื่อปรับทรงพุ่ม :
- ตัดกิ่งบังแสงแดดต่อกิ่งอื่นออก ทำให้ทรงพุ่มโปร่งจนแสงแดดสามารถส่องได้ทั่วถึงทุกกิ่ง กิ่งที่ได้รับแสงแดดจะสมบูรณ์ดีกว่ากิ่งที่ไม่ได้รับแสงแดดหรือได้รับแสงแดดน้อย
- ตัดยอดกิ่งประธาน (ผ่ากบาล) ณ ความสูงต้นตามต้องการ นอกจากช่วยทำให้แสงแดดผ่านจากยอดเข้าสู่ภายในทรงพุ่มได้อย่างทั่วถึงแล้วแสงแดดที่ร้อนยังช่วยกำจัดเชื้อราได้เป็นอย่างดีและเพื่อควบคุมขนาดความสูงทรงพุ่มอีกด้วย
ตัดแต่งราก :
- น้อยหน่าระยะต้นอายุยังน้อยไม่ควรตัดแต่งราก แต่ถ้าต้องการสร้างรากใหม่ให้มีประสิทธิ
ภาพในการหาอาหารดียิ่งขึ้นใช้วิธีล่อรากด้วยการพูนโคนต้นด้วยดิน 3 ส่วนกับอินทรีย์วัตถุ 1 ส่วน
- ต้นอายุหลายปี ระบบรากเก่าและแก่มาก ให้พิจารณาตัดแต่งรากส่วนปลายออก 1 ใน 4 ด้วยการพรวนดินรอบทรงพุ่มลึก 10-15 ซม.หลังจากให้ฮอร์โมนบำรุงรากไปแล้วต้นจะแตกรากใหม่จำนวนมากขึ้นและมีประสิทธิภาพในการดูดซับสารอาหารได้ดีกว่าเดิม
ขั้นตอนการปฏิบัติบำรุงต่อน้อยหน่า
1. เรียกใบอ่อนเพื่อสะสมอาหาร
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล.+ 46-0-0(200 กรัม)หรือ 25-5-5(200 กรัม) อย่างใดอย่างหนึ่ง + จิ๊บเบอเรลลิน 10 กรัม + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ฉีดพ่นพอเปียกใบ 1-2 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วัน
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพรทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- ให้น้ำหมักชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง + 25-7-7 (1/2-1 กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม./เดือน
- ให้น้ำเปล่าปกติ ทุก 2-3 วัน
หมายเหตุ :
- เริ่มให้หลังจากตัดแต่งกิ่งเพื่อเรียกใบอ่อน
- การแตกใบอ่อนของน้อยหน่าไม่จำเป็นต้องพร้อมกันทั้งต้น แต่ต้นที่แตกใบอ่อนใหม่จำนวนมากย่อมดีกว่าต้นที่แตกใบอ่อนน้อย เพราะหมายถึงจำนวนใบที่ต้องใช้สังเคราะห์อาหาร
- ถ้าใบอ่อนชุดแรกออกมาไม่มากแต่ต้องการมากๆก็ให้ฉีดพ่นทางใบซ้ำอีก 1 รอบ ห่างจากรอบแรก 7-10 วัน ก็ได้
- ยอดแตกใหม่ชุดนี้จะไม่มีดอกเพราะ 25-7-7 + จิ๊บเบอเรลลิน (ทางใบ) กับ 25-7-7 (ทางราก) เป็นตัวกำกับ แต่ถ้ามีดอกตามออกมาด้วยก็ให้เด็ดดอกนั้นทิ้งไป วิธีป้องกันดอกออกมาพร้อมกับยอดให้ฉีดพ่นทางใบถี่ขึ้น
2. เร่งใบอ่อนเป็นใบแก่
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล.+ 0-21-74 (200 กรัม) หรือ 0-39-39(400 กรัม)สูตรใดสูตรหนึ่ง + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.+ ฮอร์โมนไข่ 50 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. พ่นพอเปียกใบ 1-2 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วัน
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
หมายเหตุ :
- ลงมือปฏิบัติเมื่อใบอ่อนเริ่มแผ่กางหรือเพสลาด
- วัตถุประสงค์เพื่อเร่งใบชุดใหม่ให้สังเคราะห์อาหารได้และเร่งระยะเวลาเรียกใบอ่อนชุดต่อไปเร็วขึ้น กับทั้งเพื่อให้ใบอ่อนรอดพ้นจากทำลายของแมลงปากกัดปากดูด
- น้อยหน่าไม่จำเป็นต้องเร่งใบอ่อนเป็นใบแก่ เพราะหลังจากใบอ่อนออกมาแล้วจะมีดอกออกตามมา แต่ถ้าจะให้บ้างสัก 1 รอบหลังจากเห็นว่ามีใบอ่อนออกมามากพอสมควร ซึ่งสารอาหารในกลุ่มเร่งใบอ่อนเป็นใบแก่ (ฟอสฟอรัส. และ โปแตสเซียม.)ช่วยเสริมประสิทธิภาพให้ดอกออกมาดี
- ใบอ่อนที่ออกมาแล้วปล่อยให้เป็นใบแก่ตามธรรมชาติต้องใช้ระยะเวลา 30-45 วัน
3. สะสมอาหารเพื่อการออกดอก
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล.+ 0-42-56 (200 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.+ แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ทุก 5-7 วัน ติดต่อกัน 2-3 รอบแล้วให้ น้ำ 100 ล.+ เอ็นเอเอ. 25 ซีซี.+ ฮอร์โมนไข่ 25 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. สลับ 1 รอบ ฉีดพ่นพอเปียกใบ ติดต่อกัน 1-2 เดือน
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง + 8-24-24 (1/2-1 กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม./เดือน
- ให้น้ำปกติ ทุก 2-3 วัน
หมายเหตุ :
- เริ่มให้ครั้งแรกเมื่อใบอ่อนที่แตกใหม่เพสลาดหรือกลางอ่อนกลางแก่
- แนวทางบำรุงให้ต้นได้สะสมอาหารเพื่อการออกดอกไว้มากที่สุดควรเตรียมแผนใช้เวลาบำรุง 2-2 เดือนครึ่ง
- จำนวนครั้งหรือระยะเวลาในการให้ไม่จำกัด ขึ้นอยู่กับสภาพต้นมีความพร้อมสำหรับการเปิดตาดอก (อั้นตาดอก) หรือยัง เนื่องจากน้อยหน่าไม่มีตุ่มตาดอกให้สังเกตจึงให้พิจารณาจากลักษณะใบ กิ่ง และสภาพทรงพุ่มเป็นหลัก
1. เรียกใบอ่อนเพื่อเปิดตาดอก
การปฏิบัติ :
กิ่งแก่ :
ตัดปลายกิ่งลึกเข้ามาถึงส่วนที่แก่จัดให้เหลือปลายกิ่งเป็น 2 แฉกแบบง่ามหนังสะติ๊ก ขนาดความยาวของขาง่ามหนังสะติ๊กประมาณ 3-5 นิ้ว หลังจากตัดปลายกิ่งแล้ว กิ่งที่เหลือจะต้องมีตุ่มตาหรือข้อสำหรับแทงยอดใหม่ 3-5 ตุ่มเป็นหลัก
กิ่งแขนง :
กิ่งขนาดโตขนาดนิ้วก้อยขึ้นไปให้ตัดปลายกิ่งทิ้งเหลือไว้แต่ส่วนกิ่งแก่และให้มีตุ่มตา 2-3 ตุ่ม
กิ่งย่อย :
ให้ตัดทิ้งทั้งหมด ตัดชิดกิ่งประธาน ทั้งในทรงพุ่มและชายพุ่ม หลังจากตัดแต่งกิ่งแล้วให้รูดใบทิ้งทั้งหมดจนต้นเหลือแต่กิ่งเปล่าๆ จากนั้นเริ่มเข้าสู่ขั้นตอนการบำรุง
ทางใบ :
งดการฉีดพ่นสารอาหารทุกชนิดเพราะบนต้นไม่มีใบ แต่หากจะฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพรเพื่อกำจัดเชื้อราและไข่แม่ผีเสื้อที่อาจจะแอบแฝงอยู่ตามผิวเปลือกทั้งต้นและกิ่งก็สามารถทำได้
ทางราก :
- เปิดหน้าดินโคนต้นโดยนำอินทรียวัตถุคลุมโคนต้นออกให้แดดส่องถึงพื้นดิน
- งดให้น้ำเด็ดขาด
- สวนพื้นที่ดอนจะเปิดหน้าดินโคนหรือไม่เปิดก็ได้ ทั้งนี้ให้พิจารณาปริมาณน้ำใต้ดินโคนต้นเป็นหลัก ถ้าพื้นที่สวนอยู่ในที่ลุ่มระดับน้ำใต้ดินตื้นอาจจะต้องเปิดหน้าดินโคนต้น ส่วนสวนยกร่องน้ำหล่อจะต้องสูบน้ำออกแล้วเปิดหน้าดินโคนต้นแน่นอน
หมายเหตุ :
- หลังจากบำรุงต้นให้มีการสะสมอาหารเพื่อการออกดอกเต็มที่แล้ว มาตรการตัดแต่งกิ่ง รูดใบทิ้งทั้งหมด และงดน้ำก็คือการ “ปรับ ซี/เอ็น เรโช” นั่นเอง
- การตัดแต่งกิ่งแล้วรูดใบออกจนหมดทั้งต้นเลยนั้นทำให้ไม่มีใบไว้สำหรับสังเกตผลของปรับ ซี/เอ็น เรโช. (ใบสลด) กรณีนี้อาจยอมให้คงเหลือใบไว้บ้างเล็กน้อย (5-10ใบ) กระจายทั่วต้น ใบที่คงเหลือไว้นี้ควรอยู่ห่างจากตุ่มตาที่คาดว่าจะมียอดใหม่พร้อมกับดอกออกมา ก็สามารถใช้เป็นจุดสังเกตอาการใบสลดได้
- โดยปกติระยะเวลาการงดน้ำเพื่อให้ต้นเกิดความเครียดหรือปรับ ซี/เอ็น เรโช ในสวนพื้นราบที่ดอนควรใช้ระยะเวลาประมาณ 5-7 วัน ส่วนในสวนพื้นราบที่ลุ่มระดับน้ำใต้ดินตื้นควรใช้ระยะเวลาประมาณ 7-10 วัน
- การตัดแต่งกิ่งพร้อมกันทั้งต้นจะทำให้ดอกออกมาพร้อมกันเป็นชุดเดียวทั้งต้น แต่ถ้าตัดแต่งเฉพาะกิ่งดอกก็จะออกมาเฉพาะกิ่งที่ตัดแต่งนั้นเท่านั้น ส่วนกิ่งที่ยังไม่ได้ตัดแต่งก็จะยังไม่ออกดอก กรณีนี้สามารถกำหนดให้น้อยหน่าออกดอกจากกิ่งไหนก่อนหรือหลังก็ได้ตามต้องการ
5. เปิดตาดอก
ทางใบ :
งดการฉีดพ่นสารอาหารทุกชนิดเพราะบนต้นไม่มีใบ แต่หากจะฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพรเพื่อกำจัดเชื้อราและไข่แม่ผีเสื้อที่อาจจะแอบแฝงอยู่ตามผิวเปลือกทั้งต้นและกิ่งก็สามารถทำได้
ทางราก :
- ให้ 8-24-24 (1/2 กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม.
- กรณีต้นที่เปิดหน้าดินโคนต้นให้อินทรีย์วัตถุปกคลุมโคนต้นอย่างเดิม
- ให้น้ำเปล่า ช่วงแรกให้วันต่อวัน 3-4 รอบ จากนั้นให้วันเว้นวัน และวันเว้นสองวัน
หมายเหตุ :
- เริ่มปฏิบัติหลังจากครบกำหนดงดน้ำแล้ว
- เมื่อต้นได้รับน้ำต้นจะแตกใบอ่อนออกมา
- ธรรมชาติของน้อยหน่าทุกสายพันธุ์ เมื่อแตกยอดอ่อนจะมีดอกออกตามมาด้วย จำนวนดอกจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับการบำรุงสะสมอาหารเพื่อการออกดอก หากไม่มีการสะสมตาดอกอย่างพอเพียงมาก่อน ยอดอ่อนที่แตกออกมาใหม่อาจจะมีแต่ยอดโดยไม่มีดอกก็ได้
6. บำรุงดอก
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล.+ 15-45-15 (200 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.+ เอ็นเอเอ.100 ซีซี.+ ฮอร์โมนไข่ 50 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.ฉีดพ่นพอเปียกใบ ทุก 5-7 วัน
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- ยังคงเปิดหน้าดินโคนต้น
- ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง + 8-24-24 หรือ 9-26-26 สูตรใดสูตรหนึ่ง (1 กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม.
- ให้น้ำปกติ ทุก 2-3 วัน
หมายเหตุ :
- ให้ครั้งแรกตั้งแต่ช่อดอกเริ่มปรากฏให้เห็น (พร้อมกับยอดหรือหลังยอด) และให้ไปเรื่อยๆตราบที่ยังมีดอกชุดใหม่ออกตามมาอีก
- ไม่ควรฉีดพ่นปุ๋ยน้ำชีวภาพที่มีส่วนผสมของกากน้ำตาล เพราะกากน้ำตาลอาจเป็นตัวเรียกเชื้อราเข้ามาทำลายดอกได้
- การทำฝนชะช่อด้วยสปริงเกอร์เหนือหรือในทรงพุ่มช่วงดอกยังตูมบ้างเป็นครั้งคราวจะช่วยให้ดอกและเกสรสะอาดสมบูรณ์ส่งผลให้การผสมติดดีขึ้น
- ให้มูลค้างคาวบางๆบริเวณชายพุ่มแล้วรดด้วยปุ๋ยน้ำชีวภาพหมักจากปลาพอหน้าดินชื้นจะช่วยเสริมการออกดอกดีขึ้น
- การบำรุงดอกด้วยฮอร์โมน เอ็นเอเอ. เมื่อก้านเริ่มแทงออกมาให้เห็น 1-2 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วันจะช่วยให้เกสรทั้งตัวผู้และตัวเมียสมบูรณ์แข็งแรงส่งผลให้การผสมติดดีขึ้น เพื่อความมั่นใจในเปอร์เซ็นต์หรือประสิทธิภาพของฮอร์โมน เอ็นเอเอ. แนะนำให้ใช้ฮอร์โมน เอ็นเอเอ.วิทยาศาสตร์แทนฮอร์โมน เอ็นเอเอ.ทำเองจะได้ผลกว่า
- ช่วงดอกเริ่มแทงออกมาใหม่ๆให้แคลเซียม โบรอน.1 รอบ จะช่วยให้ดอกสมบูรณ์ผสมติดดี
- ฉีดพ่นสารอาหารเพื่อบำรุงดอกด้วยเครื่องมือฉีดพ่นที่มีแรงลมพ่นเบาที่สุด ตามความเหมาะสมเพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนต่อส่วนต่างๆของดอก ฉีดพ่นที่ช่อดอกโดยตรงพอเปียกหรือฉีดพ่นให้ทั่งทรงพุ่มพอเปียกใบก็ได้
- บำรุงดอกช่วงฝนชุกให้เน้น “สังกะสี และ แคลเซียม โบรอน” โดยให้เมื่อดอกออกมาแล้วหรือให้แบบสะสมล่วงหน้าตั้งแต่ช่วงเปิดตาดอก ด้วยวิธีให้เดี่ยวๆหรือผสมรวมไปกับธาตุอาหารอื่นๆก็ได้
- การฉีดพ่นใดๆควรกระทำในช่วงดอกตูมเท่านั้น เมื่อถึงช่วงดอกบานต้องงดการฉีดพ่นทุกชนิดเพราะจะทำให้เกสรเปียกผสมไม่ติดได้
- งดการฉีดพ่นสารเคมีเด็ดขาดเพราะจะขัดขวางแมลงธรรมชาติที่เข้าช่วยผสมเกสร
7. บำรุงผลเล็ก
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล.+ 21-7-14 (200 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.+ แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี.+ ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ฉีดพ่นพอเปียกใบ ทุก 5-7 วัน
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- นำอินทรีย์วัตถุกลับเข้าคลุมโคนต้นให้เหมือนเดิม
- ใส่ยิบซั่มธรรมชาติ 10 เปอร์เซ็นต์ของอัตราการใส่เมื่อช่วงเตรียมดิน
- ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง + 25-7-7 (1 กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม./เดือน
- ให้น้ำเปล่าพอหน้าดินชื้น ทุก 2-3 วัน
หมายเหตุ :
- เริ่มปฏิบัติหลังผสมติดหรือกลีบดอกร่วง
- ค่อยเพิ่มปริมาณน้ำเพื่อให้ต้นรู้ตัว
8. บำรุงผลกลาง
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล. + 21-7-14(200 กรัม) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + ไคโตซาน 100 ซีซี.+ แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ฉีดพ่นพอเปียกใบ ทุก 5-7 วัน
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง + 21-7-14 (1/2 กก)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม./เดือน
- ให้น้ำเปล่าปกติ ทุก 2-3 วัน
หมายเหตุ :
- ให้ครั้งแรกเมื่อเมล็ดเริ่มเข้าไคล
- ให้ทางใบด้วยไคโตซาน + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 2-3 รอบ โดยแบ่งให้ตลอดช่วงผลกลางจะช่วยบำรุงขยายขนาดผลให้ใหญ่และเนื้อแน่นขึ้นแต่เมล็ดมีขนาดเท่าเดิม
- ถ้าต้นติดผลดกมากควรให้แม็กเนเซียม. สังกะสี. แคลเซียม โบรอน. 1-2 รอบ โดยแบ่งให้ตลอดระยะผลกลางจะช่วยให้ต้นไม่โทรมเนื่องจากรับภาระเลี้ยงผลมาก
9. บำรุงผลแก่ก่อนเก็บเกี่ยว
ทางใบ :
- ในรอบ 7 วันให้น้ำ 100 ล. + 0-21-74 (200 กรัม) หรือ 0-0-50 (200 กรัม) อย่างใดอย่างหนึ่ง + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. 1-2 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วันก่อนเก็บเกี่ยว ฉีดพ่นพอเปียกใบ
- ให้สารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- ให้ 13-21-21 หรือ 8-24-24 สูตรใดสูตรหนึ่ง (1/2-1 กก.)/ ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม.
- ให้น้ำปกติ ทุก 2-3 วัน
หมายเหตุ :
- น้อยหน่าเป็นผลไม้ที่มีรสหวานโดยธรรมชาติอยู่แล้วต่างกันที่หวานมากหรือหวานน้อยเท่านั้นแม้จะไม่มีการบำรุงเร่งหวานทางใบ แต่ถ้าได้บำรุงด้วยสูตรเร่งหวานทางใบจะทำให้หวานจัดยิ่งขึ้น หรือหวานกว่าปกติเรียกว่าหวานทะลุองศาบริกซ์
- ก่อนเก็บเกี่ยวไม่จำเป็นต้องงดน้ำเหมือนผลไม้อื่นๆแต่ก็ไม่ควรให้น้ำจนมากเกินไป หรือให้เพียงหน้าดินชื้นก็พอ
- กรณีที่ในต้นมีผลเป็นรุ่นเดียวกันทั้งต้นให้ใช้ 13-13-21 แต่หลังเก็บเกี่ยวแล้วต้นจะโทรม ต้องเร่งบำรุงพื้นฟูสภาพต้นทันทีหลังจากผลสุดท้ายออกจากต้น
- การบำรุงผลแก่ใกล้เก็บเกี่ยวโดยให้ทางรากด้วย 8-24-24 เหมาะสำหรับต้นที่มีผลหลายรุ่นซึ่งหลังจากเก็บเกี่ยวผลแก่รุ่นแรกไปแล้วจะช่วยบำรุงผลชุดหลังต่อ นอกจากนี้ยังทำให้ต้นไม่โทรมเหมาะสำหรับการเตรียมความพร้อมต้นต่อการปฏิบัติบำรุงรุ่นปีต่อไปอีกด้วย
วงรอบในการทำน้อยหน่านอกฤดู :
* น้อยหน่าปีออกดอกช่วงเดือน มี.ค. แล้วเป็นผลแก่เก็บเกี่ยวได้ในช่วงเดือน ก.ค. รวมเวลาตั้งแต่ออกดอกถึงเก็บเกี่ยว 4 เดือน
* น้อยหน่าไม่ต้องการกระทบหนาวแต่ต้องการกระทบแล้ง (ไม่มีน้ำ/งดน้ำ) ก็ชักนำให้ออกดอกได้ นั่นคือสามารถออกดอกติดผลได้ทุกฤดูกาล
* การทำให้ออกนอกฤดูหรือ ณ ช่วงเวลาที่ต้องการให้ถือหลักการนับจาก วันผลแก่เก็บเกี่ยวได้ ย้อนถอยหลังมาจนถึง วันเริ่มตัดแต่งกิ่งเพื่อเรียกใบอ่อน แล้วเริ่มลงมือปฏิบัติตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ ดังนี้
1. ตัดแต่งกิ่งเพื่อเรียกใบอ่อน 2 ชุด ใช้เวลา 2 เดือน
2. สะสมอาหารเพื่อการออกดอก ใช้เวลา 2- 2 เดือนครึ่ง
3. ตัดแต่งกิ่งเพื่อเรียก ใบอ่อน + ดอก และงดน้ำ ใช้เวลา 10-15 วัน
4. บำรุงดอก ใช้เวลา 1 เดือน
5. บำรุงผลเล็ก – ผลกลาง – ผลแก่ ใช้เวลารวม 4 เดือน
วิธี “เตรียมต้น” เพื่อให้ออกดอกติดผลแบบไม่มีรุ่น :
1. ต้องการให้กิ่งไหนของต้นออกดอกติดผล ให้ตัดปลายกิ่งนั้นที่บริเวณเปลือกสีเขียว (อ่อน) ชนกับสีน้ำตาล (แก่) เหลือปลายกิ่งเป็นง่ามหนังสะติ๊ก ขาของง่ามหนังสะติ๊กยาว 1-3 นิ้ว แล้วรูดใบเฉพาะกิ่งที่ตัดปลายนั้นออกทั้งหมด...........ต้องการให้ออกดอกติดผลกี่กิ่งในต้นก็ให้ทำเท่านั้นกิ่ง
2. ตัดปลายกิ่งรูดใบทิ้งแล้วบำรุงตามปกติ ประมาณ 6 สัปดาห์ จะมีใบอ่อนแตกออกมาและหลังจากใบอ่อนออมาแล้ว 1 สัปดาห์ก็จะมีดอกตามออกมาอีก นี่คือผลชุด 1
3. เมื่อผลชุด 1 โตขนาดเท่ามะนาว ให้ตัดปลายกิ่งรูดใบของกิ่งที่จะให้ออกดอกติดผลเป็นชุด 2 ด้วยวิธีการเดียวกันกับดอกชุด 1 ดอกผลที่ออกมาก็คือผลชุด 2
4. เมื่อผลชุด 2 โตขนาดเท่ามะนาวก็ให้ตัดปลายกิ่งรูดใบของกิ่งที่จะให้ออกดอกติดผลชุด 3 ด้วยวิธีการเดียวกัน
วิธี “บำรุง” ต้นที่ออกดอกติดผลแบบไม่มีรุ่น :
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล.+ ฮอร์โมนไข่ 100 ซีซี.+ ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 กรัม + สาหร่ายทะเล 50 กรัม + แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ฉีดพ่นพอเปียกใบ ทุก 7-10 วัน
- ให้กลูโคสผงหรือนมสัตว์สด 2-3 เดือน/ครั้ง
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพรทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- ให้น้ำหมักชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง + 8-24-24(1-1.5 กก.) 2 รอบ สลับด้วย 21-7-14 (1-1.5 กก.) 1 รอบ ห่างกันรอบละ 1 เดือน – 1 เดือนครึ่ง สำหรับต้นทรงพุ่ม 3-5 ม.
- ให้น้ำพอหน้าดินชื้น ทุก 3-5 วัน
หมายเหตุ :
ปัจจัยที่จะทำให้การบังคับให้ออกนอกฤดู (ชุดเดียวพร้อมกันทั้งต้น)หรือให้ออกตลอดปีแบบไม่มีรุ่น คือ....การเตรียมดินและอินทรีย์วัตถุ ให้ยิบซั่มธรรมชาติปีละ 2 ครั้ง ให้กระดูกป่นปีละ 1 ครั้ง ให้ปุ๋ยคอกปีละ 2 ครั้ง ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิงจุลินทรีย์ 2-3 เดือน/ครั้ง.....เตรียมต้น โดยทุกต้นผ่านการบำรุงแบบมีสารอาหารกินตลอด 24 ชม.ต่อเนื่องมานานหลายปี.....เตรียมแปลง มีมาตรการควบคุมปริมาณน้ำใต้ดินโคนต้น
เพชรปากช่อง :
น้อยหน่าสายพันธุ์ใหม่ฝีมือนักวิชาการไทย โดยการนำน้อยหน่าต่างประเทศพันธุ์ เซริโมย่า ผสมกับ หนังครั่ง ของไทย ได้ลูกชุดแรกมาแล้วนำมาผสมต่อกับ หนังเขียว ของไทยอีกรอบ คราวนี้ลูกออกมาเป็น เพชรปากช่อง สุดยอดน้อยหน่าอย่างที่เห็น ข้อดีที่เหนือกว่าพันธุ์พื้นเมืองเดิมหลายประการ อาทิ
- ผลขนาดใหญ่กว่าตั้งแต่ 700 กรัม-1 กก.ขึ้นไป แม้แต่ ผลที่เป็นผลก้อย น้ำหนัก 300-500 กรัม
- จำนวนเมล็ดต่อผลน้อยและขนาดเล็กกว่าพันธุ์พื้นเมือง (เนื้อ/หนัง) 2-3 เท่า ทำให้ได้เนื้อมากมากกว่า 2-3 เท่า
- ความหวานสูงถึง 20 องศาบริกซ์ ในขณะที่น้อยหน่าพันธุ์พื้นเมือง (เนื้อ/หนัง) หวานเพียง 15 องศาบริกซ์เท่านั้น
- หลังจากเก็บเกี่ยวลงมาจากต้นแล้วนำมาบ่ม อายุบ่มใช้ระยะเวลา 5-7 วันโดยที่ผิวไม่ดำทำให้มีเวลาเพียงพอต่อการขนส่งไปยังต่างประเทศ
- รูปผลทรงหัวใจ เปลือกบาง ตาใหญ่ ร่องตื้น แม้ว่าเปลือกจะไม่ล่อนจากเนื้อเหมือนน้อยหน่าหนังแต่ก็แกะหรือปอกได้ง่ายไม่ติดเนื้อ
- ลักษณะผลแก่จัดเปลือกจะเป็นสีขาวนวล ร่องระหว่างตาเป็นสีชมพูชัดเจน การบ่มต้องบ่มให้สุกงอมจะได้รสชาติจะหวานสนิท แต่ถ้าเก็บผลแก่ไม่จัดเมื่อนำไปบ่มจนสุกงอมแล้วจะมีรสชาติติดเปรี้ยวเล็กน้อย
- ขยายพันธุ์ด้วยวิธี ตอน. ทาบ (ดีที่สุด). ติดตา. เสียบยอด. เสียบข้าง. บนตอพื้นเมืองได้เหมือนไม้ผลทั่วๆไป